สนช. ร่วมุทนบริษัทแดนปลาดิบ 210 ล้านบาท ตั้งบริษัทผลักดันนวัตกรรมอาหาร และธุรกิจชีวภาพให้เกิดความยั่งยืน เปิดช่องบริษัทไทยร่วมถือหุ้น ดันสู่ตลาดหลักทรัพย์
ดร.สุจินดา โชติพานิช ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโน และประธานกรรมการนวัตกรรมแห่งชาติ เปิดเผยว่า สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) ได้จัดตั้งบริษัท ไทยฟู้ด แอนด์อินโนเวชั่น วีซีเอฟ จำกัด ขึ้น เพื่อพัฒนาด้านยุทธศาสตร์อาหาร ธุรกิจชีวภาพ และนวัตกรรม โดยเป็นการร่วมทุนระหว่าง สนช. กับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) และบริษัทเงินทุนจากประเทศญี่ปุ่น 2 ราย คือ บริษัทเจแปน เอเชีย อินเวสเม้นท์ จำกัด และบริษัท วีเน็ท แคปปิทอล จำกัด ถือเป็นครั้งแรกของ สนช.ในการทำงานในรูปแบบของบริษัทร่วมทุนที่ใช้ทุนจดทะเบียนเริ่มต้นสูงถึง 210 ล้านบาท
การร่วมทุนดังกล่าวจะแบ่งเป็นเงินทุนจากบริษัทเจแปน เอเชีย อินเวสเม้นท์ จำนวน 100 ล้านบาท คิดเป็น 47.62% และสนช.ถือหุ้น 50 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 23.81% และเอสเอ็มอีแบงก์ ถือหุ้นจำนวน 50 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 23.81% และ บริษัท วีเน็ท แคปปิทอล จำนวน 10 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 4.76% ซึ่งการตั้งบริษัทร่วมลงทุนดังกล่าว จะช่วยขยายผลธุรกิจนวัตกรรมในโครงการต่างๆ โดยเฉพาะสาขาอาหาร ธุรกิจชีวภาพ และนวัตกรรมที่ สนช. สนับสนุนอยู่ให้ยั่งยืน อาทิ โครงการผลิตน้ำมันมะพร้าว โครงการหลอดเก็บตัวอย่างสุญญากาศ โครงการข้าวกล้องงอก และโครงการอาหารเสริมบำรุงสุขภาพ เป็นต้น โดยผลกำไรที่ได้จะกลับคืนมาจะเป็นทุนหมุนเวียนดำเนินงานของ สนช. ต่อไป
ด้านดร.ศุภชัย หล่อโลหการ ผู้อำนวยการ สนช. กล่าวว่า สำหรับบริษัทหรือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มีโครงการดี สนใจจะเข้าร่วมลงทุนกับทาง บริษัทไทยฟู้ด แอนด์อินโนเวชั่น วีซีเอฟ สามารถทำได้ โดยต้องเข้ามาร่วมทุนกับบริษัทในสัดส่วนไม่เกิน 20% หรือไม่เกิน 42 ล้านบาท ซึ่งทางสนช.จะขายหุ้นในส่วนที่สนช.ถืออยู่ให้ เชื่อว่า การร่วมลงทุนดังกล่าวจะช่วยร่วมผลักดันและส่งเสริมภาคเอกชนของไทยในการสร้างสรรค์ธุรกิจนวัตกรรมของประเทศ อันจะนำมาซึ่งการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศได้อย่างแท้จริง และในอนาคต สนช.มีแผนที่จะผลักดัน บริษัท ไทยฟู้ด แอนด์อินโนเวชั่น วีซีเอฟ เข้าตลาดหลักทรัพย์ต่อไป
ทั้งนี้ สาเหตุที่บริษัทเงินทุนจากประเทศญี่ปุ่นสนใจเข้าร่วมลงทุนกับ สนช. ส่วนหนึ่งมาจากความเชื่อมั่นในผลงานด้านนวัตกรรมของไทย และสนช.เป็นหน่วยงานด้านนวัตกรรมเพียงหน่วยงานเดียวของไทยที่มีผลงานด้านนวัตกรรมที่มีศักยภาพ และจะสร้างผลกำไรในระดับที่ผู้ร่วมทุนจากญี่ปุ่นพึ่งพอใจ และในอนาคตทาง สนช.มีแผนที่จะผลักดัน บริษัท ไทยฟู้ด แอนด์อินโนเวชั่น วีซีเอฟ เข้าตลาดหลักทรัพย์ต่อไป
ดร.สุจินดา โชติพานิช ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโน และประธานกรรมการนวัตกรรมแห่งชาติ เปิดเผยว่า สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) ได้จัดตั้งบริษัท ไทยฟู้ด แอนด์อินโนเวชั่น วีซีเอฟ จำกัด ขึ้น เพื่อพัฒนาด้านยุทธศาสตร์อาหาร ธุรกิจชีวภาพ และนวัตกรรม โดยเป็นการร่วมทุนระหว่าง สนช. กับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) และบริษัทเงินทุนจากประเทศญี่ปุ่น 2 ราย คือ บริษัทเจแปน เอเชีย อินเวสเม้นท์ จำกัด และบริษัท วีเน็ท แคปปิทอล จำกัด ถือเป็นครั้งแรกของ สนช.ในการทำงานในรูปแบบของบริษัทร่วมทุนที่ใช้ทุนจดทะเบียนเริ่มต้นสูงถึง 210 ล้านบาท
การร่วมทุนดังกล่าวจะแบ่งเป็นเงินทุนจากบริษัทเจแปน เอเชีย อินเวสเม้นท์ จำนวน 100 ล้านบาท คิดเป็น 47.62% และสนช.ถือหุ้น 50 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 23.81% และเอสเอ็มอีแบงก์ ถือหุ้นจำนวน 50 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 23.81% และ บริษัท วีเน็ท แคปปิทอล จำนวน 10 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 4.76% ซึ่งการตั้งบริษัทร่วมลงทุนดังกล่าว จะช่วยขยายผลธุรกิจนวัตกรรมในโครงการต่างๆ โดยเฉพาะสาขาอาหาร ธุรกิจชีวภาพ และนวัตกรรมที่ สนช. สนับสนุนอยู่ให้ยั่งยืน อาทิ โครงการผลิตน้ำมันมะพร้าว โครงการหลอดเก็บตัวอย่างสุญญากาศ โครงการข้าวกล้องงอก และโครงการอาหารเสริมบำรุงสุขภาพ เป็นต้น โดยผลกำไรที่ได้จะกลับคืนมาจะเป็นทุนหมุนเวียนดำเนินงานของ สนช. ต่อไป
ด้านดร.ศุภชัย หล่อโลหการ ผู้อำนวยการ สนช. กล่าวว่า สำหรับบริษัทหรือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มีโครงการดี สนใจจะเข้าร่วมลงทุนกับทาง บริษัทไทยฟู้ด แอนด์อินโนเวชั่น วีซีเอฟ สามารถทำได้ โดยต้องเข้ามาร่วมทุนกับบริษัทในสัดส่วนไม่เกิน 20% หรือไม่เกิน 42 ล้านบาท ซึ่งทางสนช.จะขายหุ้นในส่วนที่สนช.ถืออยู่ให้ เชื่อว่า การร่วมลงทุนดังกล่าวจะช่วยร่วมผลักดันและส่งเสริมภาคเอกชนของไทยในการสร้างสรรค์ธุรกิจนวัตกรรมของประเทศ อันจะนำมาซึ่งการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศได้อย่างแท้จริง และในอนาคต สนช.มีแผนที่จะผลักดัน บริษัท ไทยฟู้ด แอนด์อินโนเวชั่น วีซีเอฟ เข้าตลาดหลักทรัพย์ต่อไป
ทั้งนี้ สาเหตุที่บริษัทเงินทุนจากประเทศญี่ปุ่นสนใจเข้าร่วมลงทุนกับ สนช. ส่วนหนึ่งมาจากความเชื่อมั่นในผลงานด้านนวัตกรรมของไทย และสนช.เป็นหน่วยงานด้านนวัตกรรมเพียงหน่วยงานเดียวของไทยที่มีผลงานด้านนวัตกรรมที่มีศักยภาพ และจะสร้างผลกำไรในระดับที่ผู้ร่วมทุนจากญี่ปุ่นพึ่งพอใจ และในอนาคตทาง สนช.มีแผนที่จะผลักดัน บริษัท ไทยฟู้ด แอนด์อินโนเวชั่น วีซีเอฟ เข้าตลาดหลักทรัพย์ต่อไป