xs
xsm
sm
md
lg

‘ขนมขบคิด’ บิสกิตมากกว่ากินเล่น เติมค่าเกษตร เจาะตลาดสุขภาพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บิสกิต จากพืชผลเกษตรไทย
พืชผลการเกษตรของไทย ทั้งข้าวหอมมะลิ ข้าวกล้องงอก ไหมข้าวโพด และเคอย ถูกนำมาแปรรูปภายใต้การวิจัยและเทคโนโลยีทันสมัย จนได้เป็นขนมปังกรอบหรือบิสกิต (Biscuit) ที่เป็นมิติใหม่ไม่เคยมีมาก่อนในท้องตลาด มากด้วยคุณค่าทางสารอาหาร และยังเพิ่มมูลค่าให้ผลผลิตการเกษตรของไทย

ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว “พีระพล เลาหเสรีกุล” เจ้าของห้างหุ้นส่วนจำกัด สินสาลี สแน็คแอนด์บิสกิต ใช้เวลากว่า 2-3 ปี กับเงินทุนนับ 8 หลักในการบุกเบิกธุรกิจนี้

พีระพล เลาหเสรีกุล
“ตลาดขนมบิสกิตในเมืองไทยและของโลกมีมูลค่ามหาศาล แต่ที่ผ่านมา ไทยต้องนำเข้าแป้งสาลี ซึ่งเป็นวัตถุดิบจากต่างประเทศเท่านั้น ไม่สามารถใช้วัตถุดิบการเกษตรในประเทศไทยได้ จุดนี้ทำให้ผมอยากสร้างนวัตกรรมอาหาร ที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย โดยใช้วัตถุดิบหลักในประเทศมาเป็นส่วนผสม และให้เป็นขนมที่มีคุณค่าทางสารอาหารสูง เพื่อเป็นทางเลือกใหม่และสร้างมุมมองใหม่ให้แก่ขนมขบเคี้ยว” พีระพล เล่าที่มา

ในการวิจัยและพัฒนาสินค้า ใช้เงินทุนหลักแสนบาท โดยทำงานและร่วมทุนกับหน่วยงานรัฐอย่างสำนักงานส่งเสริมการวิจัย (สกว.) คัดเลือกผลผลิตการเกษตรไทย 4 ชนิด ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ ข้าวกล้องงอก ไหมข้าวโพด และเคอย เพื่อมาแปรรูปเป็นส่วนผสมใส่ในขนมปังกรอบ

“การคัดเลือกผลผลิตการเกษตรแต่ละชนิด ใช้หลักว่า เน้นเป็นวัตถุดิบในประเทศ และเป็นพืชที่บ่งบอกเอกลักษณ์ความไทย อีกทั้ง มีคุณค่าทางสารอาหารสูง อย่างไหมข้าวโพด ที่ผ่านมาจะถูกมองข้าม ทิ้งเป็นขยะ ทั้งที่จริงไหมข้าวโพดมีใยอาหาร (Dietary fiber) คุณประโยชน์ช่วยบรรเทาอาการผิดปกติในระบบทางเดินอาหาร ส่วนเควย มีโปรตีนและแคลเซียมสูงมาก ด้านข้าวกล้องงอก รู้กันดีถึงคุณค่าของสารกาบา (GABA-Gamma Amino Butyric Acid) และข้าวหอมมะลิ ถือเป็นสัญลักษณ์ของประเทศไทย สามารถมาใช้ทดแทนข้าวสาลี” เจ้าของธุรกิจ เผยหลักคิดในการเลือกพืชเกษตรแต่ละชนิดมาแปรรูป
มี 4 ประเภท ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ ข้าวกล้องงอก ไหมข้าวโพด และเคอย
นอกจากนั้น ด้านการผลิตตั้งโรงงานอยู่ที่ จ.ราชบุรี ใช้เงินลงทุนกว่า 8 หลัก ซึ่งเป็นโรงงานขนาดย่อม ได้มาตรฐานอาหารระดับสากลครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น อย. GMP และ HACCP เป็นต้น ขณะที่การผลิตเป็นเทคโนโลยีใหม่ อบด้วยเตาไมโครเวฟ ช่วยให้สารอาหารเข้าถึงเนื้อแป้งได้รวดเร็ว และสูงกว่าการอบด้วยเตาอบแบบเดิม อีกทั้ง ประหยัดต้นทุนพลังงานมากกว่าด้วย ซึ่งเครื่องจักรดังกล่าวเป็นผลงานการประดิษฐ์ของคนไทยล้วนๆ

พีระพล เผยอีกว่า วางตำแหน่งสินค้าเป็นขนมเพื่อสุขภาพ มุ่งตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche market) กำหนดลูกค้าเป้าหมายคือ ผู้รักสุขภาพ ที่เลือกคุณภาพก่อนปริมาณ โดยสินค้ามีทั้งขนมปังกรอบ และคุกกี้ มีรสให้เลือกหลากหลาย เช่น รสโนริสาหร่าย รสผัก รสงาดำ รสบาบีคิว และรสมะพร้าว เป็นต้น ทั้งหมดไม่ใส่ผงชูรส หรือสารสังเคราะห์ใดๆ ทั้งสิ้น ใช้แบรนด์ว่า CRISP etc. ขายในราคาปลีก กล่องละ 70 บาท (ขนาด 150 กรัม)


“ผมวางจุดยืนให้ขนมนี้ไม่ได้เป็นเพียงขนมขบเคี้ยว แต่เป็นขนมขบคิด หมายถึง นอกจากจะกินอร่อยแล้ว ยังคำนึงถึงประโยชน์ต่อสุขภาพของผู้บริโภค รวมถึงยังรับผิดชอบต่อสังคม โดยใช้วัตถุดิบการเกษตรไทย ผลิตภายใต้ผลงานวิจัยรองรับ และใช้เทคโนโลยีทันสมัย ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันเป็นคุณค่าที่มากกว่าแค่กินขนมขบเคี้ยวธรรมดา” เจ้าของธุรกิจ ย้ำจุดยืน

สำหรับการทำตลาดนั้น พีระพล ระบุเบื้องต้นจะอาศัยออกบูทงานแฟร์อาหารต่างๆ เพื่อแนะนำสินค้า รวมถึง ใช้เป็นเวทีเรียนรู้พฤติกรรมผู้บริโภค และช่วงกลางปีนี้ (2553) จะส่งสินค้าเข้าวางในห้างสรรพสินค้า และศูนย์จำหน่ายสินค้าเพื่อสุขภาพ วางเป้าว่า หลังวางในห้างฯ แล้ว จะสามารถคืนเงินลงทุนได้ในเวลา 2 ปี

นี่เป็นอีกเอสเอ็มอีไทยที่สร้างธุรกิจบนความคิดสร้างสรรค์ เลือกหยิบของดีใกล้ตัวมาเพิ่มค่า ที่สำคัญไม่เพียงสร้างประโยชน์เข้าตัวเองเท่านั้น แต่ยังส่งผลบวกต่อภาคการเกษตร และอุตสาหกรรมอาหารไทยโดยรวมอีกด้วย

@@@@@@@@@@@@@@@@

โทร.0-2803-0313 หรือ www.sinnsnack.com
กำลังโหลดความคิดเห็น