เมื่อนึกถึง ขนมที่เป็นของฝากในช่วงเทศกาลปีใหม่ เชื่อว่าวันนี้ทุกคนคงจะไม่ลืมที่จะนึกถึงคุกกี้ เพราะด้วยคุณสมบัติของคุกกี้ ที่มีอายุการเก็บได้นาน และมีให้เลือกหลายรสชาติ ซึ่งที่สำคัญผู้ผลิตคุกกี้ ต่างออกแบบเพคเกจจิ้งออกมาล่อตาล่อใจผู้บริโภคให้อดที่จะซื้อไปเป็นของฝากไม่ได้ และด้วยที่คุกกี้เป็นขนมยอดนิยมในกลุ่มของฝาก และยังมีขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยาก ทำให้มีผู้สนใจทำคุกกี้ออกมาจำหน่าย รวมถึงดารานักแสดงชื่อดัง อย่าง “เกริก ชิลเลอร์” ที่ได้ลุกขึ้นมาสร้างธุรกิจอีกครั้ง ด้วยการทำคุกกี้ ออกจำหน่าย ภายใต้แบรนด์ Jack in the box
เกริก เล่าถึงที่มาของ Jack in the box ว่า มาจากพี่สาวทำคุกกี้จำหน่ายในร้านเบเกอรี่ ซึ่งขายดีมาก โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ จึงเกิดความคิดว่าทำไมเราไม่ลองทำคุกกี้จำหน่าย ในลักษณะของการสร้างแบรนด์ และมีโรงงานผลิตที่ได้มาตรฐาน โดยนำสูตรของพี่สาวมาพัฒนาต่อยอด เพื่อให้ได้รสชาติของคุกกี้ที่มีความหลากหลายแตกต่างจากคุกกี้ที่วางจำหน่ายตามท้องตลาด โดยหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องของสุขภาพ ทำให้ได้คุกกี้ ออกมา 5 รสชาติ ได้แก่ ชอล์กโกแลตชิพ เนยสด ข้าวโอ๊ต แครอท ผักโมราเหยะ
“สำหรับคุกกี้ Jack in the box ต่างจากคุกกี้ทั่วไป เพราะเราไม่เน้นความหวาน ทำให้ลูกค้าสามารถรับประทานได้เรื่อย โดยไม่รู้สึกว่า มันหวานเกินไป เหมือนคุกกี้ในท้องตลาด และปัจจุบันก็ยังไม่เคยมีใครทำคุกกี้ ข้าวโอ๊ต แครอท หรือ ผักโมราเหยะ โดยเฉพาะผักโมราเหยะ เป็นสิ่งที่เราต้องการจะนำเสนอ เพราะเป็นผักที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น เพราะมีผลงานวิจัยออกมาว่ามีสารต้านมะเร็งได้ และปัจจุบันก็สามารถปลูกในประเทศไทยได้ ซึ่งมีเพื่อนทำฟาร์มผักชนิดนี้อยู่แล้ว ซึ่งซื้อได้ในราคาที่ไม่แพง จึงนำมาเป็นส่วนผสมในคุกกี้ ได้อีกรสชาติหนึ่งที่เหมาะกับคนรักษ์สุขภาพจริง"
ในส่วนของแผนการตลาด คุกกี้ Jack in the box เป็นหนึ่งแบรนด์ที่อยู่ภายใต้บริษัท Healthy 'n' Fun ซึ่งในอนาคตทางบริษัทมีแผนที่จะทำสินค้าประเภทอื่นๆ ออกมาจำหน่ายอีกหลายตัวที่อยู่ในกลุ่มของอาหาร แต่ครั้งแรกนี้เปิดตัวบริษัทด้วย คุกกี้ ก่อน โดยได้มีการเปิดตัวบริษัทและจำหน่ายคุกกี้มาได้ประมาณ 3-4 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2550 ซึ่งเลือกเปิดตัวคุกกี้ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ เพื่อเป็นการทดสอบตลาด ผลตอบรับออกมาค่อนข้างดี โดยวางจำหน่ายสินค้าในซุเปอร์มาร์เก็ต ของศูนย์การค้าเดอะมอลล์เกือบทุกสาขา และที่ร้านกิ๊ฟชอป ชั้น 3 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ส่วนแนวทางในการทำตลาดในอนาคต มุ่งเป้าการจำหน่ายสินค้า ผ่านร้านสะดวกซื้อ และซุปเปอร์มาร์เก็ตเป็นหลัก ซึ่งการจำหน่ายผ่านร้านสะดวกซื้อทำให้กระจายสินค้าได้เร็ว เนื่องจากร้านสะดวกซื้อจะมีสาขาอยู่ทั่วประเทศ
สำหรับจุดขายที่แตกต่างจากคุกกี้ทั่วไปอยู่ที่รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร และมีให้เลือกหลากหลาย และที่ดูเหมือนจะเรียกลูกค้าได้เป็นอย่างดีของ Jack in the box คืออยู่ที่ตัวเพคเกจจิ้ง ที่ได้ออกแบบเป็นพิเศษ เน้นสีสัน ความสวยงาม สะดุดตา มาช่วยดึงดูดสายตาลูกค้าที่ผ่านไปผ่านมาให้อดไม่ได้ที่จะเข้ามาชื่นชม และซื้อกลับไปเป็นของฝาก โดยลูกค้าบางคนอาจจะมองข้ามเรื่องของรสชาติไปเลยก็ได้ ส่วนหนึ่งก็คงมาจากทางบริษัทมีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบและพัฒนาตัวบรรจุภัณฑ์
"ต้องการที่จะทำคุกกี้ Jack in the box ให้แสดงถึงความสนุกสนาน และความอร่อยไปพร้อมๆ กัน และที่สำคัญทำอย่างไรให้ทุกคนสามารถทานคุกกี้ได้ตลอด โดยไม่รู้สึกว่ามันหวาน หรือ มันเกินไป และสามารถทานได้จำนวนมากโดยไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำหนัก เพราะพยายามทำคุกกี้ให้ไม่หวาน มาก และมีแคลอรี่อยู่ในปริมาณที่ไม่มากเกินไป"
เกริก พูดถึงแนวทางการลงมาทำธุรกิจในครั้งนี้ ว่า มีความตั้งใจค่อนข้างมากที่จะผลักดันให้บริษัท Healthy 'n' Fun ได้เป็นที่รู้จักมากขึ้นในกลุ่มของอาหาร และเครื่องดื่มที่เป็นแมสโปรดักส์ ภายในระยะเวลา 2-3 ปี โดยในระยะเวลาอันใกล้นี้ จะได้ ผลิตภัณฑ์ตัวอื่นๆ ออกมาอีก โดยจะให้ความสำคัญกับตลาดในกลุ่มร้านสะดวกซื้อ และซุปเปอร์มาร์เก็ต ส่วนแผนการตลาดของบริษัท จะใช้ช่องทางของสื่อที่สามารถเข้าถึง ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่ผมเองเป็นนักแสดง พิธีกร สามารถนำสินค้าของบริษัทได้ไปพูดคุ๋ยหรือ โชว์ในรายการได้
ที่ผ่านมาได้มีโอกาสนำคุกกี้ ไปโฆษณาในหลายรายการที่ตนองทำอยู่ทำให้คุกกี้เป็นที่รู้จักในเวลาอันรวดเร็ว ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบของการเป็นนักแสดง แต่ชื่อเสียงที่ทุกคนรู้จักทำให้ต้องระมัดระวังในเรื่องคุณภาพ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญเหนืออื่นใดในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ ต้องมีความจริงใจต่อลูกค้า อย่างเราทำอาหาร ต้องทำอาหารที่สะอาด ให้ถูกต้อง และถูกหลักอนามัย และการเป็นนักธุรกิจหน้าใหม่สมัยนี้ จะต้องค่อยก้าวที่ละก้าว เพราะการแข่งขันสูง และความผันผวนทางด้านเศรษฐกิจที่มีอยู่ตลอดเวลา
สนใจโทร.086-899-6668