xs
xsm
sm
md
lg

Sad movie อีกนิยามรัก เมื่อการพลัดพรากจากสิ่งที่รัก เป็นทุกข์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ดูสิ วาดรูปแม่นอนหลับตาอีกแล้ว ไม่สวยเลย”

“ผมอยากให้แม่นอนป่วยอยู่อย่างนี้ตลอดไป”

ความหวังอันไร้เดียงสาของเด็กชายวัยแปดขวบคนหนึ่ง คือขอให้แม่ป่วยไปนานๆ เพราะเวลาที่แม่นอนอยู่ในโรงพยาบาล เขาสามารถพบแม่ได้ทุกครั้งที่อยากพบ ไม่ใช่แม่ที่ทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับงานจนลืมลูก แม่ที่แทบไม่เคยไปส่งลูกที่โรงเรียน ไม่มีเวลาเล่นด้วย และไม่ว่างแม้แต่จะกอดลูกอย่างอบอุ่น

กว่าที่แม่จะได้เรียนรู้ความต้องการของลูก และกว่าที่ลูกจะได้รับรู้ว่าแม่รักมากเพียง ใด ก็เหลือเวลาแสนสั้นที่แทบไม่เพียงพอให้ แม่และลูกปรับความเข้าใจกัน

.....

“ผมอยากวาดรูปของคุณ”

“ฉันยอมให้เขาเห็นหน้าไม่ได้หรอก”

ทุกคนย่อมคาดหวังสิ่งที่สมบูรณ์แบบ หญิงสาวจึงซ่อนใบหน้าที่มีรอยแผลไฟไหม้ไว้ในชุดตุ๊กตาสวนสนุก ไม่ยอมให้จิตรกรหนุ่มได้เห็น เธออาจกลัวเขาผิดหวัง หรือไม่ ก็กลัวว่าตนเองจะผิดหวัง เธอไม่สวย ไม่ได้ ยินเสียง และพูดไม่ได้ เธอปิดบังตัวตนเพราะกลัวว่าเขาจะไม่ยอมรับ แต่คนเราจะหนีความจริงตลอดไปได้หรือ

.....

“ผมจะหางานทำใหม่ ผมจะทำให้ชีวิตเราดีขึ้น”

“แต่ฉันพอแล้ว ไม่มีอะไรดีขึ้นแล้ว เราหยุดแค่นี้เถอะ”

พนักงานสาวในซุปเปอร์มาร์เก็ตไม่ต้องการอยู่กับความหวังลมๆ แล้งๆ และความรักที่ไม่มีอนาคต กับชายหนุ่มหลักลอย ที่ไม่เคยประสบความสำเร็จในการงานอาชีพ สามปีของความสัมพันธ์ที่จืดจางลงทุกวันดำเนินไปด้วยความเหนื่อยหน่ายและท้อแท้

คนหนึ่งต้องการยุติความสัมพันธ์และเดินจากไป อีกคนหนึ่งต่อสู้เต็มกำลังเพื่อรักษาความรักเอาไว้ เมื่อเป้าหมายสวนทางกัน ความทุกข์ย่อมบังเกิดกับทั้งสองฝ่าย

.....

“ผมรักคุณ”

“ฉันก็รักคุณเหมือนกัน”

แม้หัวใจที่ตรงกันก็ไม่ได้เป็นหลักประกันของความสมหวัง หนุ่มนักดับเพลิงผู้มุ่งมั่นกับงาน ทำแหวนหล่นหาย ทำให้เขา ลังเลที่จะขอคนรักแต่งงาน ในขณะที่สาวนักแปลข่าวด้วยภาษามือก็ไม่กล้าเอ่ยถึงความต้องการอย่างแท้จริง ได้แต่รอคอยอย่างทรมานใจ ว่าวันไหนคนรักของเธอจะหยุดทำงานเสี่ยงชีวิตและหันมาเริ่มต้นสร้างครอบครัวเสียที กว่าทั้งคู่จะตัดสินใจบอกใน สิ่งที่คิด ทุกอย่างก็สายเกินไปเสียแล้ว

.....

นี่คือเรื่องราวของคน 8 คนที่ต่างวัย ต่างอาชีพ และต่างวิถีชีวิตใน Sad Movie หนังเกาหลีที่หอบเอาความเศร้าลึกมาเต็มเรื่อง เนื่องจากเนื้อหาทั้งหมดว่าด้วยความคาดหวังถึงรักที่สวยงามและความสุขชั่วนิรันดร์ แต่สิ่งที่ทุกตัวละครเผชิญกลับกลายเป็นความสูญเสีย ไม่ว่าจะเป็นความใฝ่ฝันที่ไม่ เป็นจริง ความผิดหวังจากคนรัก จังหวะชีวิต ที่ผิดพลาด ความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแปลง หรือแม้กระทั่งความตายที่ไม่คาดคิดของบุคคลอันเป็นที่รัก

Sad Movie เข้าฉายเมื่อปี 2549 ในชื่อ ภาษาไทยว่า “อีกนิยามรัก” เป็นผลงานของ Kwan Jong-Kwan ผู้กำกับชาวเกาหลีใต้ที่สนใจการกำกับหนังสั้น เขาจึงนำเรื่องเล็กๆ ของคนหลายคนมาร้อยเรียงเข้าด้วยกัน โดยมีจุดเชื่อมโยงเล็กๆ น้อยๆ เช่นเดียวกับในโลกแห่งความจริงรอบตัวเรา ที่มีทั้งพ่อ แม่ พี่น้อง เพื่อน ผู้ร่วมงาน คนรู้จัก หรือคนที่เดินสวนกันบนท้องถนน ต่างคนต่างมีชีวิต วิธีคิด และวิธีเผชิญปัญหาที่แตกต่างกัน แต่เราทุกคนเหมือนกัน คือไม่มีใครอยากมีความทุกข์ ไม่มีคนที่อยากเศร้าเสียใจ และไม่มีใครอยากพลัดพราก

“ผมอยากเล่าเรื่องราวที่อบอุ่นและร่าเริง ของคนที่มีประสบการณ์การสูญเสีย เล่าในแบบที่เรียบง่าย ตรงไปตรงมาเหมือนกับชื่อเรื่อง” เป็นคำบอกกล่าวของผู้กำกับ

สิ่งที่เขาอยากบอกเพิ่มเติมคือ การสูญเสียไม่ได้นำมาเฉพาะความเศร้าเสมอไป หากเราทำความเข้าใจได้อย่างลึกซึ้ง ความเศร้านั้นอาจให้บทเรียนที่สำคัญ ใบปิดหนังเรื่องนี้จึงเป็นภาพใบหน้าของทุกคนที่ “ยิ้มทั้งน้ำตา” ท่วงทำนองอันเต็มไปด้วยรายละเอียดของหนังยังชวนให้เราตระหนักว่า ควรดำเนินชีวิตอย่างไร ในขณะที่ยังมีเวลา ยังมี ชีวิต และยังมีความรัก

เราได้ดูแลคนที่เรารักเต็มที่หรือยัง เราใส่ใจทุกข์สุขกันแค่ไหน เราบอกรักเพียงพอ เท่าที่อยากบอกหรือยัง เราให้อภัยกันได้หรือเปล่าในสิ่งที่อีกฝ่ายทำผิดพลาด หรือกล้าเอ่ยคำขอโทษกันหรือเปล่าที่อาจทำร้าย จิตใจกันโดยไม่รู้ตัว เราเอาใจใส่กันและกันเพียงพอไหม เราเข้มแข็งพอหรือเปล่าที่จะร่วมกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และเราได้ พยายามเต็มความสามารถหรือยังที่จะรักษาความสัมพันธ์ให้ยั่งยืน

สำหรับคนที่ยังไม่เคยพลัดพราก หรือสูญเสีย อาจจะได้ลองใคร่ครวญล่วงหน้าว่า หากพรุ่งนี้ คนที่เรารักจากไปอย่างกะทันหัน เราจะเสียใจกับเรื่องอะไรบ้าง ที่เรายังไม่ได้ทำ

“ลูกน้อยของฉัน ขอให้เป็นลูกสาวทีเถอะ”

“ผมขอโทษที่ใส่กระโปรงเพื่อแม่ไม่ได้”

ความสัมพันธ์ของแม่ผู้บ้างานกับลูกชาย ผู้ว้าเหว่ บอกเราว่า จงใช้เวลาในการเข้าใจกันให้มาก เพราะเราไม่รู้ว่าจะพบกับอะไรใน วันรุ่งขึ้น และเราไม่อาจย้อนเวลากลับมาแก้ไขสิ่งที่ผ่านไปแล้ว

“ฉันคงใช้ภาษามือมากไป มีคำที่ฉันอยากพูด แต่พูดไม่ออก”

“ผมก็มีอะไรอยากบอก แต่ไม่ใช่ที่นี่”

การรอคอยของสาวนักข่าวภาษามือกับความลังเลของหนุ่มนักดับเพลิง ทำให้เราตระหนักถึงบทเพลงที่ร้องว่า รักกันวันนี้ดีกว่า เผื่อว่าพรุ่งนี้มีอันเป็นไป

“ผมได้งานทำแล้ว”

“มันไม่มีความหมายอะไรแล้วล่ะ”

ความพยายามของหนุ่มขี้แพ้กับความฝันถึงชีวิตที่มั่นคงของสาวซุปเปอร์มาร์เก็ต เตือนเราว่า ความรักอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีความเข้าใจและเป้าหมายของชีวิตร่วมกันด้วย

“ทำไมคุณไม่พูดอะไรเลย ปล่อยให้ผมพูดอยู่ฝ่ายเดียว”

“ก็เพราะฉันพูดไม่ได้น่ะสิ”

ความเข้มแข็งของสาวหูหนวก กับความอ่อนแอของหนุ่มจิตรกร สอนให้เรารู้จักที่จะยอมรับในสิ่งที่คนอื่นเป็น และมองลึกไป ถึงข้างในมากกว่ารูปภายนอก

พระพุทธองค์ทรงสอนว่า อย่ายึดติดใน สิ่งที่รัก หรือสิ่งที่ไม่รัก เพราะการพลัดพราก จากสิ่งที่รักเป็นทุกข์ และการประสบกับสิ่งที่ไม่รัก ก็เป็นทุกข์

หนังเศร้าอย่าง Sad Movie เตือนเราว่า การสูญเสียไม่ว่าจะรูปแบบใด ล้วนเป็นเรื่องธรรมดาสามัญของมนุษย์ สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าความโศกเศร้าคือการทบทวนว่า เราได้รับบทเรียนอะไรบ้างจากการพลัดพราก และการตอบคำถามที่ว่า ยังคงเหลือสิ่งดีงาม อะไรบ้าง แม้เราได้สูญเสียใครไปแล้ว

(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 87 ก.พ. 51 โดย เรืองพิลาศ)

กำลังโหลดความคิดเห็น