กรมส่งออก ยังมั่นใจยอดส่งออกปีนี้ ขยายตัวร้อยละ 10-12.5 มูลค่า 165,000-169,000 ล้านเหรียญ ระบุแม้เจอปัจจัยลบสารพัด แต่ผู้ประกอบการไทยปรับตัวได้ดี ขณะที่มาตรการแบงก์ชาติ ดูแลอย่างใกล้ชิด อีกทั้ง กรมส่งออก ได้ปรับยุทธศาสตร์ใหม่ เร่งส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ในการส่งออกตลาดใหม่ๆ
นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวว่า ถึงปีนี้ (2551) ผู้ประกอบการด้านส่งออกต้องพบปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น และปัญหาซับไพร์มของสหรัฐ รวมทั้งเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง แต่ยังเชื่อว่า ภาพรวมการการส่งออกปีนี้ จะขยายตัวได้ร้อยละ 10.0-12.5 มูลค่าส่งออก 165,000-169,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพราะขณะนี้มีการปรับตัวทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะภาคเอกชนได้ปรับตัวจากความผันผวนดังกล่าวไปมากแล้ว
ขณะที่การดูแลความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ติดตามดูแลใกล้ชิด พร้อมเชื่อว่าการส่งออกในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ยังมีการขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยการส่งออกในเดือนมกราคมที่ผ่านมาน่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 13,000-14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์กระทรวงพาณิชย์จะมีการประชุมกับทูตพาณิชย์จากทั่วโลก เพื่อปรับปรุงกระบวนการในการหาตลาดส่งออกใหม่ ๆ และขณะนี้กรมส่งเสริมการส่งออกได้ปรับยุทธศาสตร์ในการเจาะตลาด โดยไม่เน้นตลาดหลัก แต่จะเน้นตลาดใหม่
“หากดูสถิติตลาดสหรัฐ ไทยมีสัดส่วนการทำตลาดน้อยลง แต่หันไปทำตลาดในกลุ่มอาเซียน ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป (อียู) แทน ซึ่งการส่งออกไปตลาดเหล่านี้เพิ่มขึ้นด้วย” นายราเชนทร์ กล่าว
นอกจากนี้ กรมส่งเสริมการส่งออก เตรียมข้อมูลเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์คนใหม่ ซึ่งสิ่งที่มีความกังวลในเรื่องการส่งออก โดยเฉพาะธุรกิจสิ่งทอได้รับการยืนยันว่าปีนี้การส่งออกของกลุ่มสิ่งทอจะขยายตัวไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 และหลายกลุ่มสินค้ายังส่งออกได้ดี ยกเว้นสินค้ากุ้งที่มีปัญหาบ้าง แต่ยังมีอัตราการเติบโตอยู่ ส่วนปัญหาไข้หวัดนกที่กลับมาระบาดไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกไก่ เนื่องจากไทยได้ปรับเปลี่ยนการส่งออกไก่จากไก่สดเป็นไก่แปรรูป สร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคอยู่แล้ว
นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวว่า ถึงปีนี้ (2551) ผู้ประกอบการด้านส่งออกต้องพบปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น และปัญหาซับไพร์มของสหรัฐ รวมทั้งเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง แต่ยังเชื่อว่า ภาพรวมการการส่งออกปีนี้ จะขยายตัวได้ร้อยละ 10.0-12.5 มูลค่าส่งออก 165,000-169,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพราะขณะนี้มีการปรับตัวทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะภาคเอกชนได้ปรับตัวจากความผันผวนดังกล่าวไปมากแล้ว
ขณะที่การดูแลความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ติดตามดูแลใกล้ชิด พร้อมเชื่อว่าการส่งออกในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ยังมีการขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยการส่งออกในเดือนมกราคมที่ผ่านมาน่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 13,000-14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์กระทรวงพาณิชย์จะมีการประชุมกับทูตพาณิชย์จากทั่วโลก เพื่อปรับปรุงกระบวนการในการหาตลาดส่งออกใหม่ ๆ และขณะนี้กรมส่งเสริมการส่งออกได้ปรับยุทธศาสตร์ในการเจาะตลาด โดยไม่เน้นตลาดหลัก แต่จะเน้นตลาดใหม่
“หากดูสถิติตลาดสหรัฐ ไทยมีสัดส่วนการทำตลาดน้อยลง แต่หันไปทำตลาดในกลุ่มอาเซียน ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป (อียู) แทน ซึ่งการส่งออกไปตลาดเหล่านี้เพิ่มขึ้นด้วย” นายราเชนทร์ กล่าว
นอกจากนี้ กรมส่งเสริมการส่งออก เตรียมข้อมูลเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์คนใหม่ ซึ่งสิ่งที่มีความกังวลในเรื่องการส่งออก โดยเฉพาะธุรกิจสิ่งทอได้รับการยืนยันว่าปีนี้การส่งออกของกลุ่มสิ่งทอจะขยายตัวไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 และหลายกลุ่มสินค้ายังส่งออกได้ดี ยกเว้นสินค้ากุ้งที่มีปัญหาบ้าง แต่ยังมีอัตราการเติบโตอยู่ ส่วนปัญหาไข้หวัดนกที่กลับมาระบาดไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกไก่ เนื่องจากไทยได้ปรับเปลี่ยนการส่งออกไก่จากไก่สดเป็นไก่แปรรูป สร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคอยู่แล้ว
