สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน(องค์การมหาชน) จับมือสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) ร่วมประชุมหารือการวิจัยในการนำเครื่องมือวิทยาศาสตร์ขั้นสูงสนับสนุนการยกระดับผลิตผลทางการเกษตร เพิ่มมูลค่าพืชท้องถิ่น พืชสมุนไพร ชาอัสสัม และเพิ่มคุณภาพการย้อมสีธรรมชาติ เพื่อความยั่งยืนทางเศรษฐกิจของกลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูง
ดร. สมชาย ตันชรากรณ์ และคณะนักวิจัยจากสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) ได้ประชุมหารือร่วมกับ ดร.อัจฉรา ภาวศุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัย และคณะนักวิจัยจากสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และหารือแนวทางการประยุกต์ใช้ เทคโนโลยีแสงซินโครตรอน ซึ่งเป็นเครื่องมือวิทยาศาสตร์ขั้นสูงระดับประเทศ เพื่อสนับสนุนการวิเคราะห์เชิงลึกของพืชพันธุ์ท้องถิ่นและผลิตภัณฑ์ด้านหัตถกรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบที่สามารถแข่งขันได้ในตลาดสุขภาพและสินค้านวัตกรรม
ในการนี้ สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอนเสนอผลิตภัณฑ์ต้นแบบ “Anthocyanin drink” ซึ่งมีส่วนประกอบของวัตถุดิบ “ข้าวดอย” ที่ปลูกโดยกลุ่มชาติพันธุ์พื้นที่สูงภาคเหนือ และผ่านคัดเลือกและวิจัยร่วมกันของทั้งสองหน่วยงาน เครื่องดื่มนี้ อุดมไปด้วย แอนโทไซยานิน, เบตาเลน (Betalain) และฟลาโวนอยด์หลากหลายชนิด ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและกระตุ้นภูมิคุ้มกัน พร้อมทั้งมีคอลลาเจนจากปลาทะเลน้ำลึกช่วยในการฟื้นฟูเซลล์ของร่างกาย
นอกจากนี้ได้ลงพื้นที่ศึกษาดูงานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์พื้นที่สูง ได้แก่ กลุ่มแปรรูปผลิตภัณฑ์ชุมชนตำบลป่าแป๋ อำเภอแม่แตง และ กลุ่มหัตถกรรมย้อมสีธรรมชาติบ้านปางแดงใน อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และหารือความเป็นไปได้ในการใช้เทคโนโลยีซินโครตรอนในการระบุอัตลักษณ์ของพืชสมุนไพร พืชท้องถิ่น ชาอัสสัมเพื่อสร้างคุณค่าและยกระดับเป็นพืชเศรษฐกิจของชุมชน ตลอดจนการวิจัยและพัฒนาการยึดเกาะของสีธรรมชาติจากพืชท้องถิ่นที่ใช้ย้อมผ้า เพื่อพัฒนากระบวนการผลิตให้สีติดทนนาน ทนต่อการซักและคงสีสันที่เป็นเอกลักษณ์ของงานหัตถกรรมชุมชน
การดำเนินงานในครั้งนี้สะท้อนถึงความร่วมมือด้านวิจัยทั้งสองหน่วยงาน เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของกลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูง ผ่านการผสานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขั้นสูงกับภูมิปัญญาของชุมชน เพื่อสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ เพิ่มรายได้แก่เกษตรกร และยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้สามารถแข่งขันในตลาดระดับประเทศและนานาชาติ อันเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศอย่างยั่งยืน