ในปี พ.ศ. 2566 นี้ ในวงการดาราศาสตร์พูดได้ว่าเป็นปีแห่ง “ดาวเสาร์” จริงๆ เพราะนอกจากจะเป็นเจ้าของฉายา “ราชาแห่งวงแหวน” แล้ว ยังสามารถคว้าฉายา “ราชาแห่งดวงจันทร์บริวารแห่งระบบสุริยะจักรวาล” จากดาวพฤหัสบดีกลับมาครองอีกครั้ง อีกทั้ง “ดวงจันทร์เอนเซลาดัส” หนึ่งในดาวบริวาร 145 ดวง ก็ยังได้รับความสนใจจาก NASA ในการส่งยานอวกาศไปสำรวจ เนื่องจากในการประชุม Enceladus Focus Group Conference ที่ได้ประกาศว่า “ดวงจันทร์เอนเซลาดัส” หนึ่งในดาวบริวารของดาวเสาร์ เป็นสถานที่นอกโลกที่เอื้อต่อการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตมากที่สุดในระบบสุริยะเท่าที่รู้จักมา
และในช่วงเวลาที่ดาวเสาร์มีระยะโคจรใกล้โลกมากที่สุดในรอบปี คือจะมีระยะที่ใกล้ที่สุดในวันที่ 27 สิงหาคมนี้ MGROnline Science จึงขอพาไปทำความรู้จักดาวเคราะห์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของระบบสุริยะจักรวาล
ดาวเสาร์เป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นลำดับที่ 6 ในระยะที่ไกลที่สุดจากดวงอาทิตย์ 1,503,983,449 กิโลเมตร และใกล้ที่สุด 1,349,467,373 กิโลเมตร ดาวคราะห์ดวงนี้เป็นดาวเคราะห์แก๊สขนาดใหญ่ มีใหญ่ขนาดใหญ่อันดับที่ 2 ของระบบสุริยะ รองจากดาวพฤหัสบดี
จากการสำรวจในปัจจุบันพบดาวบริวารมากถึง 145 ดวง โดยดวงจันทร์ดวงใหญ่ที่สุดคือ “ไททัน” เป็นดวงจันทร์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองในระบบสุริยะ และวงแหวนอันโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์สำคัญของของดาวเสาร์ ประกอบด้วยอนุภาคขนาดเล็กจำนวนมากนับไม่ถ้วน ที่มีขนาดตั้งแต่ไม่กี่ไมโครเมตรไปจนถึงหลายเมตร กระจุกตัวรวมกันอยู่และโคจรไปรอบๆ ดาวเสาร์ อนุภาคในวงแหวนส่วนใหญ่เป็นน้ำแข็ง มีบางส่วนที่เป็นฝุ่นและสสารอื่น
ในช่วงที่โคจรใกล้โลกที่สุดในรอบปี คือคืนวันที่ 27 สิงหาคมนี้ ดาวเสาร์จะโคจรมาอยู่ในตำแหน่งตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ ส่งผลให้ดาวเสาร์อยู่ในตำแหน่งใกล้โลกที่สุดในรอบปี ห่างจากโลกประมาณ 1,310 ล้านกิโลเมตร ในวันดังกล่าวเมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า จะเริ่มสังเกตดาวเสาร์ได้ทางทิศตะวันออก ปรากฏสุกสว่าง สังเกตได้ยาวนานตลอดคืนจนถึงรุ่งเช้า สามารถชมได้ทุกภูมิภาคทั่วไทย
และในปีนี้ยังเป็นปีที่ องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ NASA ก็ได้มีการเผยภาพถ่ายของดาวเสาร์ใหม่ล่าสุด และ ภาพดวงจันทร์เอนเซลาดัส จากบันทึกภาพของกล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เว็บบ์ ที่ได้แสดงให้เห็นรายละเอียดของชั้นบรรยากาศดาว วงแหวน และดวงจันทร์บริวารบางดวงอย่างละเอียดและคมชัด และค้นพบว่าดวงจันทร์เอนเซลาดัส มีการปะทุไอน้ำจากใต้ผิวดาว ปกคลุมพื้นที่มากกว่า 9,600 กิโลเมตร หรือมากถึง 40 เท่าของขนาดดาว
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ , wikipedia.org / FB : NASA