สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) จับมือ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ ร่วมยกระดับเศรษฐกิจฐานรากด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม ส่งเสริมชุมชนท้องถิ่นให้เข้มแข็ง เพิ่มศักยภาพการแข่งขัน-พึ่งพาตนเองได้
ศ. (วิจัย) ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และ ผศ.ดร.ปรีชา ศรีเรืองฤทธิ์ รักษาราชการแทนอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวโครงการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากฯ และลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากจังหวัดเพชรบูรณ์ ตามเป้าหมายการดำเนินงานในรูปแบบ Quadruple Helix ของ วว. ในการทำงานเชิงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ สถาบันการศึกษาและหน่วยงานภาคเอกชนในพื้นที่ โดยมี ผศ. ดร.กาญจน์ คุ้มภัย คณบดีคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ ดร.รจนา ตั้งกุลบริบูรณ์ ผอ.ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมเกษตรสร้างสรรค์ วว. ร่วมเป็นสักขีพยาน โดยมีระยะเวลาดำเนินโครงการ 2 ปี โอกาสนี้ นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิ์ผล นายอำเภอเมืองเพชรบูรณ์ ศ.ดร. เภสัชกรหญิงมาลิน อังสุรังสี กรรมการ บริษัท S & J International Enterprises Public Company Limited ร่วมเป็นเกียรติ ในวันที่ 6 มิถุนายน 2565 ณ สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์
ผู้ว่าการ วว. กล่าวว่า หนึ่งในยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนโยบายของรัฐบาลที่สำคัญ คือ การพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก โดยใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เป็นกลไกหลักในการทำงาน ทั้งนี้ วว. และมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ จะร่วมบูรณาการพัฒนาองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อใช้เป็นพื้นฐานที่สำคัญในการพัฒนาทรัพยากร เกษตรและชีวภาพ ชีวภัณฑ์ อาหาร เครื่องสำอาง และเวชสำอางไทย รวมทั้งการบริหารจัดการทรัพยากรในรูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG Model) เพื่อตอบสนองตามนโยบายของรัฐบาล ให้ทรัพยากรของจังหวัดเพชรบูรณ์ได้ใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า ลดของเสีย นำมาหมุนเวียนใช้ใหม่ เพื่อสร้างและรักษาเอกลักษณ์หรืออัตลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ตามธรรมชาติของจังหวัดเพชรบูรณ์ไว้ รวมทั้งจะร่วมกันพัฒนาความร่วมมือด้านพัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การพัฒนาห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ทดสอบ ระบบมาตรฐานห้องปฏิบัติการ และโครงสร้างพื้นฐาน โดยใช้ผลงานวิจัยเพื่อการพัฒนาจังหวัดและพัฒนาผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์อย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ วว. และมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในพื้นที่ จะร่วมทำงานในเครือข่ายพื้นที่ผ่านกิจกรรมหลัก ได้แก่
1. การปรับปรุงกระบวนการผลิต เช่น พัฒนาองค์ความรู้ด้านการผลิตโดยนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี หรือนวัตกรรม มาใช้ในการพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
2. การส่งเสริมการจัดทำสารสกัด เช่น พัฒนาองค์ความรู้เกี่ยวกับการแปรรูป เพิ่มมูลค่าวัตถุดิบ หรือเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัยให้แก่กลุ่มเป้าหมายในจังหวัด โดยมุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรในพื้นที่ ได้แก่ มะขาม ขิง และอะโวคาโด โดยมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานพร้อมชุดสกัดสารสมุนไพร ซึ่งถือเป็น Highlight ของชุดโครงการ ได้แก่ การพัฒนาเครื่องมือชุดสกัดเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ที่สำคัญ ประกอบด้วย ชุดสกัดและระเหยแห้งสารสกัดสมุนไพรแบบครบวงจร ที่สามารถรองรับการผลิตสารสกัดได้อย่างสมบูรณ์แบบ เทียบเท่าการผลิตในระดับกึ่งอุตสาหกรรม ให้การบริการกับผู้ประกอบการในพื้นที่ได้ใช้ประโยชน์ในการนำสินค้าเกษตรจากสิ่งเหลือทิ้งนำมาใช้ประโยชน์ในรูปแบบสารสกัด เพื่อเพิ่มมูลค่าเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางและอาหารเสริม นอกจากนี้ บริษัท S & J International Enterprises Public Company Limited ซึ่งเป็นพันธมิตรภาคเอกชนร่วมสนับสนุนโครงการ โดยได้บริจาคเครื่อง Screw Oil Pressing Machine เพื่อให้มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ นำไปพัฒนาผู้ประกอบการในชุมชนและพื้นที่ของจังหวัดเพชรบูรณ์
“วว. คาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการนี้จะก่อให้เกิดผลกระทบในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ สร้างความรู้ความเข้าใจ และทักษะทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการยกระดับผลิตภัณฑ์ อีกทั้งจังหวัดเพชรบูรณ์จะมีโครงสร้างพื้นฐานในลักษณะของชุดสกัดเพื่อสนับสนุนการแปรรูปให้กับผู้ประกอบการ อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถและเชี่ยวชาญของบุคลากรในมหาวิทยาลัยร่วมด้วย และยังก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของจังหวัด การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับวัตถุดิบทางการเกษตรจากพืชสดไปเป็นสารสกัดหรือน้ำมันหอมระเหย จากขิงสดกิโลกรัมละ 10 บาท สกัดเป็นน้ำมันขิงบริสุทธิ์มีมูลค่ากิโลกรัมละ 50,000 บาท เป็นต้น รวมทั้งกระตุ้นให้เกิดการการลงทุนด้านนวัตกรรมและยกระดับผลิตภัณฑ์ในพื้นที่” .... ผู้ว่าการการ วว. กล่าว