“สมาร์ทฟาร์มกระนวน” จ.ขอนแก่น เจ๋ง ปลูกผักผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน อว.หนุนใช้วิทย์ยกระดับการผลิตพลิกชีวิตเกษตรกรทำงานอัตโนมัติทั้งการตัดน้ำอัตโนมัติ การวัดความเข้มแสง การวัดค่า อุณหภูมิ อากาศ น้ำ ดิน และการวัดค่าความชื้นในดิน แถมทำงานได้แบบเรียลไทม์
เมื่อวันที่ 15 ก.พ.63 ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล รองปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) เปิดเผยว่า อว.โดยสำนักสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการส่งเสริมอุทยานวิทยาศาสตร์ (สอว.) ได้จัดทำโครงการ “ยกระดับเกษตรกรอำเภอกระบวนสู่สมาร์ทฟาร์มเมอร์" (Smart Fammer) ที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรวิถีอินทรีย์กระนวน ต.หนองโก อ.กระนวน จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มเกษตรกรในเขตพื้นที่ อ.กระนวน จ.ขอนแก่น ที่มีสมาชิกเน้นการปลูกผักปลอดสารพิษ การทำปุ๋ยหมักนม เพื่อการบริโภคในชุมชนและจำหน่ายในพื้นที่ จ.ขอนแก่นและจังหวัดใกล้เคียง โดยใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยียกระดับการผลิตและแปรรูปผ่านกลไกของอุทยานวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ภายใต้โครงการพัฒนาขีดความสามารถทางเทคโนโลยีและวิจัยของภาคเอกชน (Industrial Research and Technology Capacity Development Program หรือ IRTC)
รองปลัด อว.กล่าวต่อว่า กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรวิถีอินทรีย์กระนวน เป็นการรวมกลุ่มเกษตรกร สมาชิก 23 คนที่รักในวิถีเกษตรอินทรีย์ เช่น การปลูกผักปลอดสารพิษ การทำปุ๋ยหมักนม การเลี้ยงไส้เดือนเพื่อนำผลผลิตมาใช้ในการปลูกผันเพื่อการผลิตสินค้าเกษตรสำหรับบริโภคในชุมชนและส่งขายในพื้นที่เขตจ.ขอนแก่น จ.มหาสารคาม จ.กาฬสินธุ์และ จ.อุดรธานี จนเป็นที่ต้องการของตลาด ขณะที่กำลังการผลิตของกลุ่มไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดอีกทั้งยังขาดบุคลากรหรือแรงงานภาคเกษตร เพราะการทำเกษตรอินทรีย์ถือว่าเป็นเกษตรกรประณีต ที่ต้องการการดูแลจากเกษตรกรอย่างมาก เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ เป็นเกษตรอินทรีย์อย่างแท้จริง
ดังนั้น สอว.จึงได้เข้ามาสนับสนุน โดยนำผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดทำระบบสมาร์ทฟาร์ม คือ นางปาริชาติ กินรี อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม หัวหน้าโครงการ และ นางอังคณา เจริญมี อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น ลงพื้นที่วินิจฉัยปัญหา จากนั้นได้ออกแบบและพัฒนาระบบสมาร์ทฟาร์มสำหรับวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรวิถีอินทรีย์กระนวน โดยได้ทำบอร์ดแสดงผลและควบคุมการทำงานด้วยจอ LED หรือ ผ่านระบบ IOT รวมทั้งระบบการบริหารจัดการฟาร์ม ได้แก่ การตัดน้ำอัตโนมัติ การวัดความเข้มแสง การวัดค่า อุณหภูมิ อากาศ น้ำ ดิน และการวัดค่าความชื้นในดิน สามารถทำงานได้แบบ เรียลไทม์ (real time) มีการส่งข้อมูลเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ต และเก็บข้อมูลไว้ใน server และสามารถเข้าไปดูข้อมูลผ่านลิงค์ได้เพื่อให้ง่ายต่อการวิเคราะห์ และระบบสมาร์ทฟาร์ม ยังสามารถดูข้อมูลต่างๆ ผ่านแอฟปลิเคชั่น บนสมาร์ทโฟนหรือเทปเลทได้ด้วย ทำให้สำหรับเกษตรกร
“ก่อนที่ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรวิถีอินทรีย์กระนวน จะมีระบบสมาร์ทฟาร์ม เกษตรกรจะใช้เวลาในการดูแลแปลงผักวันละ 6 – 8 ชั่วโมง ใช้ระยะเวลาในการปลูก 40 – 45 วัน ผลผลิตมีคุณภาพไม่ค่อยดี ต้นผักโตไม่เต็มที่และมีรสชาติขม มีของเสียเกิดขึ้นในระหว่างกระบวนการปลูก ประมาณร้อยละ 20 ผักมีน้ำหนักต้นละ 0.5 ขีด ผักมีราคากิโลกรัมละ 40 บาท แต่เมื่อ สอว.นำระบบสมาร์มฟาร์มเข้าไปช่วย ปรากฏว่า เกษตรกร ใช้เวลาในการดูแลแปลงผัก วันละ 10 – 20 นาทีเท่านั้น ส่วนระยะเวลาในการปลูก 40 – 45 วันเท่ากัน แต่ผลผลิตมีคุณภาพ ต้นผักโตเต็มที่ มีน้ำหนักเพิ่มสูงขึ้น มีรสชาติดี ไม่ขม ขณะที่ของเสียที่เกิดขึ้นระหว่างกระบวนการปลูกลดลง ประมาณร้อยละ 5 ผักมีน้ำหนัก ต้นละ 1 – 1.5 ขีด และมีราคากิโลกรัมละ 80 – 100 บาท ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือเกษตรกร มีความเชื่อมั่นในการลงทุน มีการขยายโรงเรือนเพื่อเพิ่มผลผลิตให้ทันต่อความต้องการของตลาด ” ศ.ดร.ศุภชัยกล่าว
อีกทั้งในวันที่ 16 ก.พ. นี้ ศ.ดร.ศุภชัย น.ส.ทิพวัลย์ เวชชการัณย์ ผอ.สอว. และ ดร.อภิรชัย วงษ์ศรีวรพล ผอ.อุทยานวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จะลงพื้นที่เพื่อขยายผลไปสู่ในพื้นที่อื่นๆ ต่อไป