ก.วิทย์ผุดนิตยสารแจกฟรี-รายการทีวีหวังปีหน้ามีสตาร์ทอัพธุรกิจพันล้านเหรียญ

ก.วิทย์ผุดนิตยสารแจกฟรี-และรายการทีวี 4 รายการ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ “สตาร์ทอัพ” คาดหวังว่าในปีหน้าไทยจะมีสตาร์ทอัพที่มีมูลค่าธุรกิจระดับพันล้านเหรียญสหรัฐเช่นเดียวกับหลายประเทศ

ดร.อรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เผยภายในงานสตาร์ทอัพไทยแลนด์ ณ Hall A ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 7 ก.ค.60 ในฐานะเป็นผู้ดูแลเรื่องสตาร์ทอัพจึงต้องการมีส่วนร่วมในการสนับสนุน “สตาร์ทอัพอีโคซิสเท็ม” ของประเทศไทยให้แข็งแกร่ง จึงผลักดันให้เกิดสื่อนิตยสารและทีวีด้านสตาร์ทอัพโดยตรง เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและให้แนวคิดวิธีการดำเนินธุรกิจสตาร์ทอัพแก่ประชาชน

ทั้งนี้ กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เตรียมทำ “สตาร์ทอัพไทยแลนด์แม็กกาซีน” (Startup Thailand Magazine) นิตยสารรายเดือนแจกฟรี ทั้งในรูปแบบเล่มและแบบอี-แม็กกาซีน (e-magazine) โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลักคือนักศึกษา โดยนิตยสารดังกล่าว จะเป็นเสมือน “ไกด์บุ๊ค” ให้ผู้อ่านได้เรียนรู้เรื่องเทคโนโลยี ธุรกิจ การตลาด ซึ่งเป็นพื้นฐานของการก้าวสู่การเป็นสตาร์ทอัพ และสามารถนำเรื่องราวเหล่านี้มาพูดคุยกันต่อในห้องเรียนได้

สำหรับนิตยสารในรูปแบบเล่มนั้น จะแจกฟรีใน 160 จุดทั่วประเทศ ขณะที่แบบ e-magazine จะส่งให้ทางออนไลน์แก่ผู้ที่สมัครสมาชิก หรือเข้าไปอ่านได้ที่ www.startupthailand.org

ส่วนรายการโทรทัศน์ด้านสตาร์ทอัพ มี 4 รายการ ได้แก่ 1.Startup warrior เป็นรายการให้แรงบันดาลใจผ่านการพูดคุยกับสตาร์อัพชื่อดังในไทยซึ่งมีประสบการณ์จริงมาก่อน 2.รายการ Startup Coaching เป็นรายการ Reality Show ให้ผู้ชมได้เห็นขั้นตอนจริงๆ เวลาดำเนินธุรกิจสตาร์ทอัพ 3.รายการ Startup Pitch เป็นรายการที่ให้ผู้มีไอเดียมาแข่งขันกันภายในรายการ

"ทั้ง 3 รายการจะออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสทุกวันเสาร์ เวลา 11.00-11.30 น.รายการละไตรมาส เริ่มต้นจากรายการ Startup warrior เป็นรายการแรกในวันเสาร์ที่ 8 ก.ค. 60 นี้ ส่วนรายการสุดท้ายคือ 4.Startup 101 เป็นรายการให้ความรู้พื้นฐานที่เหล่าสตาร์ทอัพต้องรู้ โดยมีผู้เชี่ยวชาญมาให้คำแนะนำ ออกอากาศทางยูทิวบ์

ดร.อรรชกา กล่าวเพิ่มเติมว่า ยุคปัจจุบันเป็นยุคที่ผู้คนทั่วโลกหันมาให้ความสนใจกับสตาร์ทอัพ แต่ทั่วโลกก็ยังมีผู้คนล้มเหลวจำนวนมาก ส่วนหนึ่งเพราะขาดความรู้ กระทรวงจึงต้องการให้สื่อนิตยสารและทีวีเหล่านี้เข้ามามีส่วนช่วยให้ความรู้โดยตรง โดยคนทำสตาร์ทอัพตัวจริง และหวังว่าในปีหน้าไทยจะมีสตาร์ทอัพที่มีมูลค่าธุรกิจระดับพันล้านเหรียญสหรัฐ (ยูนิคอร์) เช่นเดียวกับสตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จในหลายประเทศ