“ตึง”
เสียงดังพร้อมแรงกระแทกทำให้พาหนะที่กำลังเคลื่อนที่หยุดนิ่งอย่างกระทันหัน ถ้าไม่ได้จับยึดเชือกเอาไว้ตัวผมเองคงกระเด็นหล่นลงจากลังที่นั่งทิ่มหน้าลงไปบนดินโคลนเหลวที่พี่เจ้าหน้าที่มักเรียกกันว่า “ขี้เปอะ” เปรอะเปื้อนไปทั้งตัวและคงมีอีกหลายคนที่อาจจะเป็นเช่นเดียวกันหรือถึงกับเกิดการเจ็บเนื้อเจ็บตัว ถ้าเกิดว่าพาหนะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่มากกว่านี้ แต่ด้วยความเร็วในการเคลื่อนที่ประมาณ 7 กิโลเมตรต่อชั่วโมงด้วยรถไถเป็นความเร็วสูงสุดแล้วที่ทำได้ในช่วงนี้ของปี
ฤดูฝน ช่วงเวลาที่เส้นทางเดินรถส่วนมากในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันออก อ.อุ้มผาง จ.ตาก เปลี่ยนสภาพกลายเป็นคลองน้ำล้น พื้นทางที่เป็นดินชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำกลายสภาพเป็นเลนโคลนยากต่อการสัญจรทั้งโดยยานพาหนะไม่ว่าจะกี่ล้อหรือแม้กระทั่งขาทั้งสองข้าง กระนั้นก็จำเป็นต้องมีการส่งเสบียงอาหารและข้าวของเครื่องใช้จำเป็นเข้าไปยังหน่วยพิทักษ์ป่าข้างในเพื่อเป็นการสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการปกป้องกันและรักษาพื้นที่ ระยะทางที่ไกลทำให้การเดินเข้าไปส่งเสบียงยังหน่วยไม่ใช่ทางเลือกที่ดี การใช้รถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อถึงจะมีวินซ์ไว้ดึงยามรถติดหล่มก็เป็นตัวเลือกท้าย ๆ เพราะดินที่เละและร่องลึกบนเส้นทาง ถึงแม้จะเคลื่อนที่ได้ด้วยความเร็วไม่มากนักแต่การเลือกใช้รถไถขับเคลื่อนสองเพลาพ่วงท้ายด้วยซาลี่จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมเพื่อการส่งเสบียงในช่วงฤดูกาลนี้ของปี
“บรืนนนนนนนนนนน” ล้อทั้งสี่เริ่มตะกุยโคลนเหลวแต่ความเร็วยังคงอยู่ที่ 0 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เสียงเร่งเครื่องดังเร่งสลับเบาสองสามรอบ พี่ทบหรือสมทบ หัวหน้าหน่วยพิทักษ์ป่าห้วยน้ำเขียวและพลขับหันมาบอก “พานหน้ามันทิ่มดินครับ ดันไม่ไปต้องถอยไปวิ่งทางอื่น” พร้อมกับถอยรถไถออกจากหล่มทางเพื่อตั้งหลักและมองหาแนววิ่งเส้นใหม่
“จับมั่นๆ นะครับ จะเร่งเครื่องไปทีเดียวพ้น” พี่ทบบอก เสียงเครื่องรถไถเร่งดังพร้อมกับออกตัวด้วยความเร็วเพื่อฝ่าถนนดินที่เป็นเลนและมีร่องลึกกีดขวาง “ตึง” เสียงดังขึ้นอีกครั้ง แม้ว่าล้อทั้งสี่ข้างยังคงหมุนปั่นดินเลนเหลวกระเซ็นไปทั่วทิศแต่ตัวรถไถยังหยุดอยู่กับที่ไม่เคลื่อนไปข้างหน้า เสียงตะโกนโหวกเหวกบอกสภาพพื้นดินดังแข่งกับเสียงเครื่องยนต์รถไถสองเพลาที่กระหึ่มสนั่นลั่นป่า แต่คงเพราะมีหลายคนหลายเสียงพลขับจึงดูเหมือนจะมึนงงกับข้อมูลที่ได้รับจนต้องลุกออกจากตำแหน่งพลขับลงไปดูด้วยตาตัวเอง การตัดสินใจถอยไปตั้งหลักใหม่เป็นสิ่งที่พี่ทบเลือก หลังเสียงเร่งเครื่องสองสามรอบดังผ่านพ้นไป พี่ทบหันมาพูดอีกครั้ง “สงสัยจะต้องลาก”
รถไถคันที่สองออกเดินทางมาในเวลาไล่เลี่ยกันเดินทางมาถึง เจ้าหน้าที่อีกหลายนายที่เดินทางมาด้วยก็พร้อมออกแรงใจแรงกายช่วยกันมองหาแนววิ่ง มัดโซ่ ขุดดิน ยกก้อนหินถมร่องลึกเป็นพัลวัน ใช้เวลาไม่นานก็ดึงรถไถคันที่ติดอยู่ออกมาจากหล่มหลุมได้สำเร็จ
หลังจากมองหาเส้นแนววิ่งอยู่ครู่หนึ่ง พี่ทบก็พารถไถผ่านไปได้ในที่สุด แต่อย่างไรก็ตามรถไถคันอีกคันที่พ่วงสาลี่ขนเสบียงขนาดใหญ่ก็ติดหล่มแทน “ของเยอะ สาลี่ก็หนัก มันเลยติดครับถึงจะเป็นรถใหม่เจอหล่มแบบนี้ก็ต้องลากกันบ้าง” พี่อุไร หัวหน้าชุดลาดตระเวนป่าประจำหน่วยพิทักษ์ป่ากระแง่สอดและพลขับเอ่ย แต่ด้วยกำลังพลและอุปกรณ์พร้อมการนำรถขึ้นจากหล่มจึงใช่เรื่องยาก
หลังจากรถไถทั้งสองคันสลับกันติดหล่มหลุมดินอีกสองจุด เมื่อนาฬิกาข้อมือบอกเวลาหกโมงเย็นคณะสำรวจก็มาถึงยังจุดพักที่หน่วยพิทักษ์ป่าเบ้คี ซึ่งเป็นจุดหยุดพักประจำก่อนออกเดินทางต่อเนื่องจากเป็นจุดที่ตั้งอยู่ระหว่างครึ่งทางของระยะที่จะเข้าไปยังหน่วยพิทักษ์ป่าด้านใน พี่อุไร พลขับรถไถส่งเสบียงตัดสินใจพักค้างเนื่องจากระยะทางที่เหลือยังอีกไกล มีอีกหลายหน่วยพิทักษ์ป่าที่ต้องไปและการเดินทางในเวลากลางคืนนั้นอันตรายกว่า อีกทั้งต้องผ่องถ่ายเสบียงนำส่งให้เรียบร้อยก่อน การพักค้างที่หน่วย ฯ นี้จึงดีกว่าการพักค้างแรมในป่าระหว่างทาง แต่กลับกันนั้นรถไถของทีมคณะสำรวจจอดพักเพียงครู่หนึ่งเท่านั้นก่อนจำต้องออกเดินทางต่อเพื่อให้ถึงยังจุดหมายที่พักที่ได้วางแผนงานกันไว้
“ไปครับ ไปต่อ เวลาสำรวจมีไม่มากไปให้ถึงวันนี้ดีกว่าเสียเวลาเดินทางวันพรุ่งนี้อีกตั้งครึ่งวัน แต่ใจเย็นเย็นยังไงวันนี้ก็ไปถึงแค่ดึกหน่อยเท่านั้นเอง” พี่ทบบอกกับคณะสำรวจ
แสงสีทองทอประกายบนท้องฟ้าถูกเจือจางด้วยความทะมึนมือของค่ำคืนที่กำลังย่างกรายเข้ามาเป็นที่แน่นอนว่าเราต้องเดินทางกันในความมืดและระยะทางที่ต้องฝ่าฟันยังคงอีกไกล ผมไม่ได้ยินเสียงบ่นจากใครเลยซักคนหนึ่งถึงความยากลำบากหลายสิบกิโลเมตรที่ผ่านมาและอีกหลายสิบกิโลเมตรที่ยังรอคอยอยู่ ถ้าจะพูดให้ถูกคือเสียงเดียวที่ผมได้ยินนั้นเป็นเสียงเฮลุยร่วมไม้มือแรงใจเข้าไปจัดการกับอุปสรรคที่ขวางทางอยู่ให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยกันไม่ว่าจะเป็นหล่มโคลนหรือไม้ใหญ่ที่โค่นลงมาขวางระหว่างทางก่อนถึงที่พัก
แสงจากพรายน้ำบนนาฬิกาข้อมือช่วยให้รู้ว่าขณะที่รถไถกำลังผ่านไม้กั้นเข้าไปสู่บริเวณของหน่วยพิทักษ์ป่าห้วยน้ำเขียวเวลาก็ล่วงเข้าไปเกือบจะสี่ทุ่ม เมื่อนับเวลาเดินทางทั้งหมดประมาณสิบชั่วโมงคำนวนกับระยะทางประมาณหกสิบกิโลเมตรแล้วถือว่านานพอสมควรเนื่องด้วยหล่มหลุม ดินโคลนเหลว ไม้ล้มขวางและอุปสรรคหลายอย่างระหว่างทาง หลังจากยกของเก็บเจ้าของเข้าที่พักก็มารวมกันรับประทานอาหารมื้อเย็นที่ล่วงเลยเวลาไปมาก แม้ทุกคนจะมีอาการล้าจากการเดินทางแต่ระหว่างประกอบและรับประทานอาหาร บทสนทนาที่ฮาเฮและเสียงหัวเราะร่วนม่วนใจคงดังอยู่ตลอด หลังจากนัดแนะเวลาสำหรับงานวันรุ่งขึ้นเป็นที่เรียบร้อยคณะสำรวจและเจ้าหน้าที่ก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำพักผ่อนตามอัธยาศัย
ด้วยเพิ่งออกจากความจำเจจอแจของเมืองหลวงและยังไม่คุ้นชินกับเสียงของป่ายามค่ำคืนเท่าใดนักทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะทำการเปรียบเทียบประสบการณ์ที่ผ่านมา
การเดินทางในเมืองหลวงนั้นมีมากมายไม่ว่าช้าเร็วสะดวกลำบากหลากวิธี ระยะทางไมไกลแต่โดยมากจะใช้เวลานานอีกช่างล้าเหนื่อยอุดมสะสมความเครียดหนักหน่วง ช่างต่างกับวันนี้ที่ถึงแม้ระยะทางไกลใช้เวลานานมีสิ่งกีดกั้นขวางเน้อตัวเปรอะเปื้อนเลอะเทอะแต่เมื่อถึงที่หมายเรายังคงสนุกและหัวเราะใส่กันได้อย่างไม่อิดออด
ณ เมืองหลวงอันแสนไกล กว่าที่จะได้พักผ่อนเหนื่อยทั้งกายเพลียทั้งใจไร้ซึ่งความสุนทรีย์ในห้วงอารมย์
ณ ที่นี่ก่อนหลับตาลงนอนความเหนื่อยมีผลแค่ที่กายแต่แสนสุขสบายที่ใจ
นั่นคือสิ่งที่ผมคิดก่อนความรู้สึกตัวของผมเริ่มจะเจือจางและผลอยหลับไปด้วยความง่วงจากร่างกายที่เหนื่อยล้าแต่เปื้อนยิ้ม
เกี่ยวกับผู้เขียน
จองื้อที
แต่เดิมเป็นเด็กต่างจังหวัดจากภาคตะวันออก มุ่งมั่นเข้ามาศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีที่คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ด้วยความสนใจส่วนตัวและถูกชักชวน จึงเลือกเข้าศึกษาในภาควิชาชีววิทยาป่าไม้ สาขาวิทยาศาสตร์สัตว์ป่าและทุ่งหญ้า ซึ่งระหว่างนั้นก็ได้มีโอกาสช่วยเก็บข้อมูลงานวิจัยสัตว์ป่าในหลายพื้นที่ หลังจากสำเร็จการศึกษาได้รับคำแนะนำให้ไปศึกษาต่อยังสถาบันอื่น จึงได้เข้ามาศึกษาต่อ ณ ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในระดับปริญญาโทต่อมาถึงในระดับปริญญาเอก และยังคงมีสถานภาพเป็นนิสิตอยู่ในปัจจุบันขณะ
"เราพยายามเรียนรู้สิ่งต่างๆมากมาย เพื่อที่สุดท้ายแล้วเราจะได้รู้ว่า แท้จริงแล้งเราไม่ได้รู้อะไรเลย"
พบกับบทความ “จองื้อที” ได้ทุกวันที่ 1 และ 16 ของเดือน