อุปกรณ์สำรวจความหลากหลายและสัมภาระจำพวกสิ่งของเครื่องใช้ถูกขนย้ายลงจากหลังรถกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อ คราวนี้เราขอความอนุเคราะห์รถยนต์ของทางเขต ฯ เนื่องจากเจ้านิกติดภาระกิจสำคัญ โดยมีพี่สักเป็นพลขับซึ่งควบตำแหน่งช่างเครื่องยนต์ไปพร้อมกันนำพามาส่งถึงที่หมายอย่างปลอดภัย
“เอาของลงที่สำนักงานเลยครับ พักที่นั่นเลยสบายที่สุดแล้ว” พี่น้อย หัวหน้าหน่วยพิทักษ์ป่าทุ่งนาน้อย เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันออก โผล่ตะโกนออกมาจากโรงครัว “ตอนนี้อยู่สบาย น้ำไหล ไฟพร้อม” พี่น้อยเสริมพร้อมหัวเราะแบบชอบอกชอบใจ
“เสบียงในถังน้ำแข็งนี่เตรียมมาเผื่อทางหน่วยด้วยแล้ว สองสามวันนี้ขอรบกวนหน่อยนะครับพี่” ผมบอกกับพี่น้อยและพี่เจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ หลังจากยกถังน้ำแข็งใส่ของสดและลังใส่เสบียงแห้งมายังโรงครัว
“ได้ ๆ เรื่องอาหารเดี๋ยวพวกผมจัดเตรียมให้ครับ เย็นนี้ก็มากินที่ครัวได้เลย ช่วงนี้อยู่เฝ้าหน่วยกันหลายคน” พี่น้อยตอบในทันที “เดี๋ยวให้ผู้ช่วยอี๊ดดูแลเรื่องหุงหาอาหาร ส่วนอภินันท์ให้ไปจัดเตรียมเนื้อวัวที่เอามาแล้วกัน” จอกไผ่ใบน้อยก็ถูกหยิบยื่นมาให้ตรงหน้าหลังจากงานครัวถูกจัดแจงพร้อมกับคำว่า “เชิญครับ”
แม้จะอิ่มหนำสำราญจากมื้ออาหารเย็นและนัดแนะเกี่ยวกับงานในวันรุ่งขึ้นเป็นที่เรียบร้อย แล้วก็ตาม บทสนทนาในวงยังคงอยู่และออกรสออกชาติสนุกสนาน เรื่องเล่าต่าง ๆ จากพี่น้อยตั้งแต่สมัยแรกเริ่มทำงาน ความเหนื่อยยากลำบากทั้งจากภาระงานหน้าที่ที่เฉลี่ยกันคร่าว ๆ แล้วเจ้าหน้าที่แต่ละคนต้องดูแลผืนป่าที่มีเนื้อที่มหาศาล การเดินทางเข้ามาทำงานก็ต้องผ่านหนทางทุรกันดารแถมชำรุดผุพัง สมรรถนะของพาหนะที่ทำงานดีวันดีคืน บางครั้งเดินทางถึงบ้างไม่ถึงบ้างและบ่อยที่ต้องนอนค้างแรมอยู่กลางป่าระหว่างทาง ปัญหากับคนในพื้นที่ที่มีทั้งการบุกรุกและล่าสัตว์อย่างผิดกฎหมายหรือแม้กระทั่งความลี้ลับของผืนป่าที่หาคำตอบไม่ได้
หลายครั้งที่พี่น้อยเล่าถึงความลำบาก พี่อี๊ดมักจะบอกขึ้นมาว่า “เพื่อน กูรักมึงว่ะ” และโผเอาอ้อมกอดไปส่งให้ถึงตัวพี่น้อย “เออ ๆ กูก็รักมึงเหมือนกัน” เป็นคำพูดที่พี่น้อยตอบกลับแต่เหมือนพี่อี๊ดจะไม่ค่อยได้ยินจนกระทั่งเกือบจะได้หอมแก้มกัน สร้างเสียงหัวเราะร่วนสนุกสนานกันในหมู่น้อง ๆ ที่นั่งดูนั่งฟัง เวลาผ่านไปพี่ ๆ เจ้าหน้าที่หลายคนขอตัวหลบไปพักผ่อนแล้ว วงสนทนาจึงต้องยุติลงและระหว่างที่กำลังแยกย้ายกันนั้นเสียงตึงดังมาจากทางห้องน้ำ ขณะที่ผมกำลังหันไปมองพี่น้อยไปถึงและช่วยพยุงพี่อี๊ดลุกขึ้นมาแล้ว
“ขาตาอี๊ดไม่ค่อยดีครับ เดินไม่ค่อยถนัดแถมยังแก่แล้วอีก ล้มง่ายแต่ดีที่นี่หัวไม่ขมำลงพื้น” พี่น้อยอธิบายถึงสถานการณ์และเอ่ยถึงสุขภาพของพี่อี๊ดคร่าว ๆ ให้พวกเราฟัง นั่นอธิบายข้อสงสัยของผมถึงวิธีการเดินแปลก ๆ ของพี่อี๊ดในระหว่างเตรียมหุงหาอาหารและจัดแจงข้าวของต่าง ๆ ในโรงครับที่ผมเห็นเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจัดการพาตานี่ไปส่งถึงที่นอนเอง” พี่น้อยเอ่ยห้ามเมื่อมีคนจะเข้าไปช่วยพยุง สำหรับผมภาพพี่น้อยประคองพี่อี๊ดไปยังเรือนพักสามารถอธิบายสิ่งที่พี่น้อยเพิ่งบอกก่อนหน้าได้เป็นอย่างดี การทำงานในพื้นที่ป่าห่างไกลมีความยากลำบาก สิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งคือ เพื่อนร่วมงาน ที่ต้องเข้าใจและรู้จักซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี สามารถไว้เนื้อเชื่อใจและพึ่งพากันได้อย่างเต็มที่เมื่อถึงเวลาจำเป็น
“คืบก็ป่า ศอกก็ป่า ถ้าไม่รักกันทะเลาะกัน มีดปืนผาหน้าไม้ก็มี เดี๋ยวได้ฆ่ากันตาย ถ้าอยู่ด้วยกันไม่ช่วยกันแล้วใครที่ไหนจะมาช่วย” พี่น้อยเอ่ยเอาไว้เช่นนั้น
“ต้องรู้จักกัน อยู่ด้วยกัน ทำงานด้วยกันนานขนาดไหน ถึงจะรักกันได้ขนาดนี้” เป็นคำพูดที่รุ่นพี่ในทีมสำรวจคนหนึ่งพูดออกมาระหว่างส่งกำลังใจช่วยพี่น้อยพยุงเพื่อนของเขาไปยังห้องพัก
เช้าวันเดินทางกลับหลังจากเสร็จภารกิจ สัมภาระถูกขนขึ้นกระบะท้ายของรถยนต์คันเดิม คำอำลาถูกบอกกล่าวซ้ำไปมากับพี่ ๆ เจ้าหน้าที่และสัญญาอย่างเป็นมั่นเหมาะว่าจะกลับมาเยี่ยมเยียนเที่ยวหาใหม่เมื่อมีโอกาสแม้จะไม่ได้เป็นไปเพราะภาระงาน เมื่อมาถึงยังสำนักงานเขตผมยังระลึกอยู่ว่าถ้าได้มีโอกาสเข้าไปยังหน่วยพิทักษ์ป่าทุ่งนาน้อยอีก คงได้ฟังเรื่องราวเพิ่มเตอมและได้ยินบทสนทนาเฮฮาประสาเกลอกันอีกครั้ง
เวลาผ่านมาหลายเดือนจนถึงปลายเดือนกันยายน รุ่นพี่ เพื่อนและรุ่นน้องหลายคนที่รู้จักมักคุ้นกำลังเหนื่อยกันอย่างขะมักเขม้นในการจัดเตรียมงาน “วันสืบ นาคะเสถียร" ที่ใกล้เข้ามา เมื่อกล่าวถึงเรื่องราวของพี่สืบแล้วไม่จำเป็นที่จะต้องกล่าวถึงรายละเอียด หลายต่อหลายคนรู้จัก หลายต่อหลายคนคิดระลึกถึง พี่สืบนับได้ว่าเป็นบุคคลผู้หนึ่งที่มีคุณูปการใหญ่หลวงต่อแวดวงการทำงานด้านอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เป็นแรงใจ เป็นต้นแบบและเป็นส่วนสร้างอุดมการณ์อันแข็งแกร่งให้แก่คนรุ่นใหม่มากมาย การจากไปของพี่สืบเปรียบกับดอกไม้ที่ร่วงโรยแต่สร้างดอกใหม่ที่ผลิบานทดแทน ผมนึกถึงกล้วยไม้ชนิดหนึ่งที่พบเจอที่หน่วยพิทักษ์ป่าทุ่งนาน้อย ดอกเก่าสีซีดขาวเตรียมร่วงโรยแต่มีดอกใหม่สดชมพูบานเย็นปลายช่อที่เบ่งบานสวยงาม “เอื้องโมก” กระนั้นโดยส่วนตัวมีสิ่งหนึ่งติดค้างอยู่ในใจผมเสมอมาสำหรับเรื่องราวส่วนนี้ว่า ถ้าดอกไม้ดอกนั้นร่วงโรยไปตามวัยเวลา มิได้ถูกเด็ดพรากสิ้นสูญไปไม่ว่าจากผู้ใดก็ตาม ความงาม ความสมบูรณ์ของวัฏจักรจะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ในปัจจุบันให้เปลี่ยนไปอย่างไร ผมเองฉงนใจใคร่รู้เสียจริง
เรื่องน่าเศร้าใจถูกส่งตรงมาจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันออก หน่วยพิทักษ์ป่าทุ่งนาน้อยเงียบเหงาลง ผมคงไม่มีโอกาสได้ยินได้เห็นการพูดคุยหัวเราะเล่นกันระหว่างเพื่อนเกลอสองคนดังที่เคย พี่อี๊ดชายสูงวัยร่างน้อยเดินกะเผลกที่เคยหุงหาอาหารเตรียมไว้ให้และเจ้าของประโยค “เพื่อน กูรักมึงว่ะ” ได้จากไปสู่การพักผ่อนตลอดกาลแล้วเมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา
เป็นเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าอีกหนึ่งคนที่จากไป เจ้าหน้าที่ที่เคยทำงานพิทักษ์ผืนป่าและชีวิต เจ้าหน้าที่ที่เคยทำงานพิทักษ์ลมหายใจของป่า ลมหายใจของเหล่าสรรพสัตว์และลมหายใจของพวกเรา ใครไหนเล่าจะระลึกนึกถึงนอกจากเพื่อนพ้องน้องพี่ที่รู้จักอีกคลุกคลีตรากตรำทำงานมาด้วยกัน
มีคำกล่าวหนึ่งเคยได้สดับรับฟังมาจากรุ่นพี่ที่ผมเคารพ เปรียบได้เป็นน้ำชะโลมล้างคราบรอยน้ำตาจากความเศร้าที่เกิดในเวลาเช่นนี้
“ไม่มีใครจากไป ตราบใดที่เรายังคิดถึงเขาอยู่”
เกี่ยวกับผู้เขียน
จองื้อที
แต่เดิมเป็นเด็กต่างจังหวัดจากภาคตะวันออก มุ่งมั่นเข้ามาศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีที่คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ด้วยความสนใจส่วนตัวและถูกชักชวน จึงเลือกเข้าศึกษาในภาควิชาชีววิทยาป่าไม้ สาขาวิทยาศาสตร์สัตว์ป่าและทุ่งหญ้า ซึ่งระหว่างนั้นก็ได้มีโอกาสช่วยเก็บข้อมูลงานวิจัยสัตว์ป่าในหลายพื้นที่ หลังจากสำเร็จการศึกษาได้รับคำแนะนำให้ไปศึกษาต่อยังสถาบันอื่น จึงได้เข้ามาศึกษาต่อ ณ ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในระดับปริญญาโทต่อมาถึงในระดับปริญญาเอก และยังคงมีสถานภาพเป็นนิสิตอยู่ในปัจจุบันขณะ
"เราพยายามเรียนรู้สิ่งต่างๆมากมาย เพื่อที่สุดท้ายแล้วเราจะได้รู้ว่า แท้จริงแล้งเราไม่ได้รู้อะไรเลย"
พบกับบทความ “จองื้อที” ได้ทุกวันที่ 1 และ 16 ของเดือน