"ได้กลิ่นบ้างไหมครับพี่" ผมเอ่ยถาม
“มี มี แต่กลิ่นมันจาง ๆ นะ น่าจะสเปรย์เอาไว้พักใหญ่แล้ว” พี่โดม รุ่นพี่วนศาสตร์ตอบกลับหลังจากก้ม ๆ เงย ๆ พร้อมกับเอาจมูกสูดกลิ่นจากเปลือกไม้บริเวณโคนต้นไม้ริมทางถนนดินกลางผืนป่าใหญ่ ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันออก จังหวัดตาก
“รอยตีนของมันที่เราเจอก็น่าจะนานตั้งแต่ช่วงฝนลงก่อนหน้าแล้วล่ะมั้งครับพี่” ผมบอก ขณะที่พี่โดมก็ยังคงก้ม ๆ เงย ๆ สูดกลิ่นจากโคนต้นไม้ต้นถัดไป
“โคนต้นไม้ทางฝั่งนี้ก็มี แต่กลิ่นก็จางลงแล้ว เหมือนต้นเมื่อกี๊นี้ น่าจะลองวางกล้องหน่อยเผื่อจะได้ ไม่แน่มันอาจจะเวียนกลับมาตรวจอาณาเขตมันอีกรอบก็ได้" พี่โดมเอ่ยขึ้นพร้อมข้อเสนอแนะให้วางกล้องดักถ่ายรูปในบริเวณนี้ก่อนจะเดินกลับไปยังเจ้านิก พาหนะขับเคลื่อนสี่ล้อคันโตที่พาเราดั้นด้นมาจนถึงที่หมาย
ครั้งสมัยเมื่อเข้าไปฝึกงานอยู่ที่สถานีวิจัยสัตว์ป่าเขานางรำ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จังหวัดอุทัยธานี อุปกรณ์ที่มีใช้ในการศึกษายังไม่มากนัก เครื่องมือหลายอย่างมีข้อจำกัดมากมายและไม่ค่อยตอบโจทย์ การศึกษาส่วนใหญ่จึงเน้นไปที่การเก็บข้อมูลร่องรอยที่พบเจอระหว่างการเดินสำรวจ ร่องรอยที่ว่าก็ได้แก่ ซากเหยื่อ รอยตีน รอยลับคมเล็บ กองขี้หรือแม้แต่รอยสเปรย์ฉี่ของ "เสือ”
ตามปรกติเสือเต็มวัยไม่ว่าจะเพศผู้หรือเพศเมียจะเที่ยวออกหากินตัวเดียว โอกาสที่จะพบเจอกันน้อย การสื่อสารระหว่างกันจึงพึ่งพาร่องรอยของกลิ่นที่ทิ้งไว้ กลิ่นจากการสเปรย์ฉี่ตามต้นไม้ระหว่างทางที่เดินผ่านจึงเป็นเครื่องมือสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารระหว่างเพศเมื่อเข้าถึงช่วงเวลาเป็นสัดของเสือเพศเมียหรือการบอกถึงอาณาเขตการหากินของเสือแต่ละตัว แต่เมื่อใช้กลิ่นเป็นเครื่องมือในการสื่อสาร ฉี่ใหม่กลิ่นแรง ฉี่เก่ากลิ่นจาง เมื่อเวลาผ่านไปทำให้เสือแต่ละตัวต้องแวะวนมาตรวจสอบวงรอบอาณาเขตและทำเครื่องหมายซ้ำอยู่เสมอ ๆ เพื่อเป็นการป้องกันและรักษาอาณาเขตการอยู่อาศัยและหากินจากเสือตัวอื่น พฤติกรรมนี้เองที่ทำให้เราสามารถทำการศึกษาโดยการตั้งกล้องดักถ่ายภาพจากเส้นทางและตำแหน่งของเครื่องหมายที่ทำไว้ได้
บ้างก็ว่าฉุนเหม็น บ้างก็ว่าหอมติดจมูก บ้างก็ว่ามันมีเอกลักษณ์เป็นเฉพาะ แต่เป็นเรื่องน่าผิดหวังส่วน ผมเป็นเพียงคนเดียวในกลุ่มเพื่อน ๆ ฝึกงานรุ่นเดียวกันที่ไม่ได้กลิ่นอะไรเลยด้วยจากเหตุผลด้านสุขภาพที่ไม่อำนวย แต่ในความโชคร้ายก็มีความโชคดี นอกเหนือจากกลิ่นยังมีร่องรอยของฉี่ที่ถูกเสปรย์ปรากฎอยู่ให้พอสังเกตุเห็น เช่น รอยด่างเป็นดวงบนเปลือกไม้ รอยคล้ายถูกไฟไหม้สีน้ำตาลของมอสและไลเคน หรือยอดใบหญ้า ไม้พุ่มที่เหี่ยวลู่ลงดินจากการถูกฉี่ที่มีความเข้มข้นสูงพ่นใส่
ต้นไม้ใกล้ถนนหรือด่านสัตว์ที่มีร่องรอยของสเปรย์ฉี่จะถูกเลือกเพื่อใช้ติดตั้งกล้องดักถ่ายภาพ เมื่อครั้งที่กล้องที่ใช้ยังเป็นกล้องแบบบรรจุฟิล์มและจำนวนกล้องยังมีน้อย ตำแหน่งการวางกล้องจึงทำได้เพียงฝั่งเดียวของด่านสัตว์หรือถนน รูปที่ถ่ายได้ก็มีจำกัดเพียง 36 รูปต่อครั้งเท่านั้นจากข้อจำกัดของม้วนฟิล์ม ข้อมูลที่ได้จึงค่อนข้างจำกัด ความแม่นยำของอุปกรณ์ตรวจจับความเคลื่อนไหว ความร้อนหรือเซนเซอร์อินฟราเรดสมัยแรกเริ่มยังมีน้อย ภาพถ่ายที่ได้จึงมักเป็นภาพยอดหญ้าไหวเอนตามแรงลม ภาพผีเสื้อกลางคืนและแมลงต่าง ๆ ที่เข้ามาเล่นแสงอินฟราเรด หรือภาพถ่ายของสัตว์ป่าชนิดอื่น ๆ ที่ใช้ทางด่านหรือถนนเส้นนั้น การที่จะได้ภาพเสือแบบเต็มตัวจึงเป็นเรื่องยาก น่ายินดีที่ปัจจุบันอุปกรณ์กล้องดักถ่ายภาพสัตว์มีความก้าวหน้า มีการออกแบบที่เฉพาะเจาะลงเหมาะสมต่อการใช้งาน ราคาที่ถูกลงและการก้าวเข้าสู่ยุคดิจิตอลทำให้ข้อจำกัดต่าง ๆ ที่เคยเป็นปัญหาต่อการศึกษาลดลง ข้อมูลที่ได้มีความหลากหลายและสำคัญไม่เฉพาะต่อการศึกษาเสือโคร่งเท่านั้นยังรวมไปถึงเหยื่อและสัตว์ต่าง ๆ ในพื้นที่ อีกทั้งการที่กล้องดักถ่ายสามารถบันทึกภาพเคลื่อนไหวได้ทำให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องของพฤติกรรมของสัตว์ป่านั้น ๆ ละเอียดมากขึ้นอีกด้วย
กล้องดักถายภาพสัตว์ป่าคู่หนึ่งถูกติดตั้งเข้ากับต้นไม้สองต้นที่อยู่คนละฝั่งริมทางถนนดินเส้นนั้น กล้องทั้งสองถูกจัดวางให้อยู่ในระนาบที่ใกล้เคียงและหันหน้ากล้องทั้งสองเข้าหากัน เสือแต่ละตัวมีลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำรอยและในตัวเดียวกันก็มีความแตกต่างกันในแต่ละฝั่งซ้ายขวา นั่นคือเหตุผลหลักที่อธิบายถึงจำนวนกล้องที่ใช้ เหตุผลรองนั้นเพื่อเป็นตัวสำรองเผื่อในกรณีกล้องตัวใดตัวหนึ่งนั้นไม่สามารถทำงานได้ กล้องทั้งสองตัวถูกเปิดใช้และทดสอบการทำงานเบื้องต้น หลังจากที่ทุกอย่างเป็นปรกติอุปกรณ์ติดตั้งกล้องดักถ่ายภาพก็ถูกจัดเก็บเข้าที่
เสียงสตาร์ทเครื่องยนต์ดังขึ้นทำลายความสงบเงียบของผืนป่า เจ้านิกออกตัวและวิ่งไปบนถนนดินเส้นนั้นเพื่อพาพวกเรากลับเข้าสู่ที่พักแรม แสงแดด อากาศเย็นและสายลมพัดผ่านร่างของผมที่นั่งอยู่กระบะหลัง รอยดอกยางล้อรถที่หมุนผ่านลบเลือนรอยตีนเก่าของเจ้าของบ้านไปแล้ว แต่นั่นก็เหมือนเป็นการเคลียร์พื้นที่เพื่อรองรับร่องรอยใหม่ที่จะผ่านมาในเวลาข้างหน้า
ผมจากจุดนั้นมาด้วยความคาดหวัง ความคาดหวังที่เกิดไม่ใช่แค่เพื่อที่จะได้ภาพถ่ายของเสือ ไม่ได้คาดหวังเพื่อว่าภาพที่ได้จะงดงามหยดย้อยถึงขั้นคว้ารางวัลใดใดบนลานประกวด ความคาดหวังนั้นเพียงเพื่อว่าภาพทีได้จะทำให้เรารู้จักพวกมันขึ้น ตัวตนของพวกมัน พฤติกรรมของพวกมัน ได้รู้จักชีวิตของพวกมันแม้จะเป็นเพียงเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งก็ตาม
เพราะนั่นคือสิ่งสำคัญที่เราสามารถนำมาใช้เป็นข้อมูลพื้นฐาน พื้นฐานที่เราจะใช้เป็นจุดยืนเพื่อการวางแผนพัฒนาการอนุรักษ์และการจัดการที่ถูกต้องแม่นยำ ไม่ใช่เป็นเพียงการเอ่ยอ้างสิ่งสวยหรูปั้นแต่งจากพื้นฐานที่เลื่อนหลักไร้รอยหรือมโนสำนึกอันกลวงโบ๋
ก็เพราะเพื่อให้เสือยังคงดำรงสืบต่อเผ่าพันธุ์อยู่ได้ในผืนป่าที่เป็น "บ้าน” ของพวกมัน
ผมตั้งใจและคาดหวังไว้เช่นนั้น
เกี่ยวกับผู้เขียน
จองื้อที
แต่เดิมเป็นเด็กต่างจังหวัดจากภาคตะวันออก มุ่งมั่นเข้ามาศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีที่คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ด้วยความสนใจส่วนตัวและถูกชักชวน จึงเลือกเข้าศึกษาในภาควิชาชีววิทยาป่าไม้ สาขาวิทยาศาสตร์สัตว์ป่าและทุ่งหญ้า ซึ่งระหว่างนั้นก็ได้มีโอกาสช่วยเก็บข้อมูลงานวิจัยสัตว์ป่าในหลายพื้นที่ หลังจากสำเร็จการศึกษาได้รับคำแนะนำให้ไปศึกษาต่อยังสถาบันอื่น จึงได้เข้ามาศึกษาต่อ ณ ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในระดับปริญญาโทต่อมาถึงในระดับปริญญาเอก และยังคงมีสถานภาพเป็นนิสิตอยู่ในปัจจุบันขณะ
"เราพยายามเรียนรู้สิ่งต่างๆมากมาย เพื่อที่สุดท้ายแล้วเราจะได้รู้ว่า แท้จริงแล้งเราไม่ได้รู้อะไรเลย"
พบกับบทความ “จองื้อที” ได้ทุกวันที่ 1 และ 16 ของเดือน