xs
xsm
sm
md
lg

สาเหตุการเสียชีวิตของ Chopin

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: สุทัศน์ ยกส้าน

Frederic Chopin
Frederic Chopin เกิดเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1810 (ตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย) ที่หมู่บ้าน Zelazowa Zola ใกล้กรุง Warsaw ในโปแลนด์ บิดามีเชื้อชาติฝรั่งเศส ส่วนมารดามีสัญชาติโปแลนด์ บรรพบุรุษฝ่ายบิดาเคยทำไร่องุ่นในแคว้น Lorraine ของฝรั่งเศส ประเทศโปแลนด์ในสมัยนั้นถูกแบ่งแยกปกครองโดยเยอรมนีและรัสเซีย

ชีวิตของ Chopin ในวัยเด็กมีความสุขมาก เพราะบรรยากาศในบ้านมีความเป็นผู้ดีที่อุดมด้วยวัฒนธรรม โดยพ่อแม่ให้ Chopin หัดเล่นเปียโนตั้งแต่อายุ 6 ขวบ ก่อนที่จะให้เรียนหนังสือเสียอีก และพบว่า Chopin ซึ่งเป็นเด็กที่มีรูปร่างบอบบางสามารถเล่นเปียโนได้ดีมาก คือ ดีเกินวัย อีกทั้งมีอารมณ์อ่อนไหวละเอียด เพราะเวลาได้ยินเสียงดนตรีที่โหยหวน Chopin ถึงกับร้องไห้น้ำตาไหล

Chopin ได้ออกงานแสดงฝีมือเล่นเปียโนในวงคอนเสิร์ตตั้งแต่อายุ 7 ขวบ และทางบ้านก็พบว่า ฝีมือการเล่นสามารถทำให้คนฟังทุกคนชื่นชมนับตั้งแต่ชาวบ้านทั่วไปจนถึงพระราชา เช่น พระเจ้าซาร์แห่งรัสเซียทรงโปรด Chopin มากถึงกับพระราชทานพระธำมรงค์ให้ เหตุการณ์นี้ทำให้สมาชิกทุกคนในตระกูลตระหนักว่าได้มีอัจฉริยะนักดนตรีถือกำเนิดในครอบครัวแล้ว

แม้จะประสบความสำเร็จในการเล่นเปียโนสักปานใด แต่จิตใจของ Chopin ก็มิได้เป็นสุขเลย เพราะ Warsaw ในสมัยนั้นตกอยู่ใต้การปกครองและกดขี่โดยทหารรัสเซียจิตใจของ Chopin จึงปวดร้าวมาก และความอัดอั้นนี้ได้มีส่วนทำให้บทเพลงและลีลาการเล่นเปียโนของ Chopin มีอารมณ์ดุเดือดและรุนแรงตามไปด้วย

ในวัยหนุ่ม Chopin ต้องการเดินทางไปปารีส เพราะรู้ว่าที่นั่น คือ ดินแดนแห่งการปฏิวัติ สำหรับทุกคนที่รักชาติยิ่งชีพ และ Chopin ก็รู้ตัวดีว่า ถ้าขืนอยู่ต่อไปในโปแลนด์ก็อาจถูกจับตัวไปประหารชีวิตด้วยข้อหาต่อต้านการปกครองและเกลียดชังรัสเซีย

ขณะพำนักอยู่ที่ปารีส Chopin ได้ข่าวว่า Titus ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทที่สุดได้ถูกทหารรัสเซียฆ่าด้วยข้อหาสมคบและชักจูงผู้คนให้ต่อต้านเป็นปฏิปักษ์ต่อกองทัพรัสเซีย Chopin จึงรู้สึกโศกเศร้ามากจึงพยายามเล่นดนตรี และแสดงคอนเสิร์ตเพื่อหาเงินช่วยประเทศชาติ แต่ฝีไม้ลายมือในการเล่นตกไป เพราะไม่มีอารมณ์จึงถูกสื่อวิพากษ์วิจารณ์มาก ความกังวลทำให้เป็นโรคซึมเศร้าระดับรุนแรง และรู้สึกอดอาลัยตายอยาก จนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป

แต่โชคยังมีอยู่บ้าง เพราะในปี 1837 Chopin ได้พบกับ George Sand ผู้เป็นนักประพันธ์สตรีที่มีชื่อเสียงโด่งดังของฝรั่งเศส ระดับเดียวกับ Balzac และ Heine ณ เวลานั้น

Chopin มีอายุ 27 ปี และ Sand ก็อายุ 33 ปีแล้ว ทั้งๆ ที่เป็นผู้หญิงแต่ Sand ก็ชอบแต่งตัวชาย เธอรู้สึกชื่นชมความสามารถด้านดนตรีของ Chopin มาก และ Chopin เองก็ชื่นชอบความเป็นผู้ดีของ Sand อีกทั้ง รู้สึกว่าเธอเป็นคนที่รู้ใจเขาทุกเรื่อง การชักนำของ Sand ให้ Chopin เข้าสังคมไฮโซทำให้ชาวปารีสแทบทุกคนรู้จัก Chopin
ภาพวาด Chopin และ George Sand
ในที่สุดทั้งสองก็รักกัน ทั้งๆ ที่ Sand เป็นแม่หม้ายลูกติด และมีอายุมากกว่า Chopin นักจิตวิทยาคิดว่าความรักของคนทั้งสองคงเกิดจากความแตกต่างด้านนิสัย เพราะ Chopin เป็นคนอ่อนไหว ส่วนเธอเข้มแข็ง Chopin รู้สึกว่าเธอสามารถปกป้องและคุ้มครองเขาได้ ในขณะที่เธอเก่งด้านการประพันธ์ เขาก็เก่งด้านการเล่นเปียโน ทั้งสองจึงตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกัน ในสถานที่ๆ ห่างไกลจากสังคมภายนอก เช่นไปพักตามสถานตากอากาศริมทะเลทั้งเพราะ Chopin มีสุขภาพไม่ดี คือ เหนื่อยง่าย และอ่อนแรง Sand มีความเชื่อว่า การพักผ่อนอย่างเพียงพอจะทำให้ Chopin สามารถแต่งเพลงได้ดีขึ้น และมากขึ้น ส่วนเธอเองก็มุ่งหวังว่าในบรรยากาศที่สงบเงียบ เธอจะได้มีเวลาเขียนบทประพันธ์อย่างเต็มที่

หลังจากที่เวลาผ่านไปได้ 2 ปี ทั้งสองก็เริ่มรู้สึกว่า ชีวิตคู่มีอะไรหลายอย่างที่คนทั้งสองไม่สามารถปรับตัวได้ เพราะ Sand คิดว่า เธอได้ทำอะไรต่อมิอะไรให้ Chopin มากพอแล้ว และเธอต้องเจียดเวลาไปดูแลลูกๆ ของเธอบ้าง เธอจึงห่างเหิน Chopin ไป

ด้าน Chopin ก็รู้สึกว่า สุขภาพที่ไม่ดีทำให้เขาละเลยการหาเงินทุนจากการเล่นคอนเสิร์ต เพื่อส่งเงินที่ได้ไปช่วยขบวนการต่อต้านรัสเซียในโปแลนด์ ตามคำมั่นสัญญาที่ได้ทำไว้กับเพื่อนๆ Chopin จึงถูกเพื่อนฝูงติติงและโจมตี

ความกดดันนี้ทำให้ Chopin คิดจะเดินทางกลับปารีสเพื่อเปิดการแสดงคอนเสิร์ตอีกแต่ Sand ต้องการให้เขาอยู่กับเธอเท่านั้น โดยไม่จากไปไหน ความขัดแย้งนี้ทำให้ Sand ตัดสินใจว่า ทางเดินชีวิตของเขาและเธอได้ถึงทางตันแล้ว

อยู่มาวันหนึ่งเมื่อ Chopin ได้ทราบข่าวว่าเพื่อนๆ ในโปแลนด์ได้ถูกฆ่าอีกหลายคน เขาจึงตัดสินใจไปปารีส โดยคาดหวังจะนำเพลงที่เรียบเรียงออกแสดงเพื่อหาเงิน จากปารีส

Chopin ได้ไปโรม ลอนดอน เบอร์ลิน เวียนนา ฯลฯ และได้รวบรวมเงินส่งไปที่โปแลนด์ การทำงานหนัก ทำให้สุขภาพที่ไม่สู้ดี เสื่อมลงๆ จนวันหนึ่งขณะแสดงคอนเสิร์ตบนเวที Chopin ได้อาเจียนออกมาเป็นโลหิต และฟุบคาเปียโนที่กำลังเล่น

Chopin ถูกนำตัวกลับปารีสเพื่อรักษาตัว และกล่าวรำพึงว่าต้องการเห็นหน้าของ Sand อีก แต่ก็ต้องผิดหวัง เพราะ Sand มีคู่รักคนใหม่แล้ว
Michal Witt (PHOTO CREDIT: International Institute of Molecular and Cell Biology)
เมื่อวาระสุดท้ายใกล้จะถึง Chopin ต้องนอนซึมบนเตียง โดยมีเพื่อนๆ และอาจารย์ที่ Chopin รัก ยืนปลอบโยนเป็นกำลังใจอยู่ใกล้ๆ Chopin ได้ขอสัมผัสก้อนดินที่เอามาจากโปแลนด์ และขอฟังเพลงที่ตนเรียบเรียงเป็นครั้งสุดท้าย แต่เพลงยังไม่ทันจบ ดวงวิญญาณของชีวิตที่ยุ่งเหยิงของ Chopin ก็ออกจากร่าง เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ค.ศ.1849 สิริอายุ 39 ปี

ศพถูกนำไปฝังที่ Pére Lachaise แต่ทุกคนก็รู้ว่าหัวใจที่แท้จริงของ Chopin อยู่ที่โปแลนด์ ใบมรณบัตรได้แสดงให้เห็นว่า Chopin เสียชีวิตด้วยวัณโรค ก่อนฝัง แพทย์ได้ตัดหัวใจของ Chopin ใส่ในขวดเหล้า cognac แล้วนำไปวางในโบสถ์ Holy Cross Church ในกรุง Warsaw ตามเจตจำนงของ Chopin ที่ได้กล่าวไว้ก่อนเสียชีวิต

ถึงปี 2008 Michal Witt แห่ง International Institute of Molecular and Cell Biology ที่ Warsaw ต้องการเปิดขวดนั้น แล้วนำเนื้อเยื่อมาวิเคราะห์เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า Chopin มิได้เสียชีวิตด้วยวัณโรค แต่ด้วยโรค cystic fibrosis (CF) ซึ่งเป็นโรคพันธุกรรมที่มีผลต่อระบบทางเดินหายใจ และทางเดินอาหาร โดยเด็กที่เป็นโรคนี้จะมีเสมหะที่เหนียวข้น และเป็นคนติดเชื้อที่ปอดง่าย จึงมีอาการไข้ ไอ หอบหืด และเป็นโรคไซนัสเรื้อรัง และถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ถูกวิธี เสลดที่เหนียวข้นจะขัดขวางการทำงานของทางเดินหายใจจนทำให้เสียชีวิตได้

เพราะ Witt ได้อ่านประวัติของ Chopin และพบว่า Chopin แสดงอาการของ CF ตั้งแต่เด็ก

ความจริงการวิเคราะห์สาเหตุการเสียชีวิตของคนสำคัญหลังจากที่เสียชีวิตไปแล้ว กำลังเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับแพทย์ และคนทั่วไป ซึ่งในกรณีของคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ความเห็นต่างๆ ของแพทย์สามารถตรวจสอบได้เสมอว่า คนๆ นั้นป่วยด้วยโรค A, B, C หรือ D แต่ในกรณีคนที่ตายไปแล้ว ความเห็นของแพทย์ที่ปรากฏในประวัติศาสตร์ อาจผิดพลาดได้ เพราะความรู้ไม่ทันสมัย และเทคนิคการวิเคราะห์ไม่ดี จึงได้อาศัยคำบรรยายเกี่ยวกับอาหารคนไข้ ขณะใกล้จะสิ้นใจจากคนใกล้ชิด ซึ่งไม่ใช่แพทย์ เหตุผลเหล่านี้ล้วนมีบทบาทในการทำให้การวินิจฉัยสาเหตุการตายผิดพลาดได้

สำหรับนักประวัติศาสตร์ก็ต้องการจะรู้ชัดโรคต่างๆ ที่บุคคลสำคัญเป็น มีผลกระทบต่อวิถีชีวิตและจิตใจคนป่วยเพียงใดหรือไม่

ด้านบรรดาญาติของผู้ตายก็มีความวิตกว่า การทดสอบต่างๆ อาจจะบอกรายละเอียดส่วนตัวที่ไม่มีใครรู้มาก่อน ซึ่งอาจทำให้ผู้ตายเสียหาย และทายาทเสื่อมเสียก็ได้

Witt ได้อ้างเหตุผลว่า นอกจากระบบหายใจแล้ว Chopin ในวัยเด็กยังแสดงความไม่ชอบกินอาหารที่มีไขมัน โดยอ้างว่าทำให้ปวดท้อง ท้องร่วง และน้ำหนักลด และหันไปกินน้ำผึ้งกับข้าวโอ้ตแทน ผลที่ตามมาคือ เมื่ออายุ 28 ปี Chopin สูง 170 เซนติเมตร และหนักเพียง 45 กิโลกรัม มีใบหน้าเกลี้ยงเกลาไร้หนวดและเครา

เมื่ออายุ 21 ปี เคยไอเป็นเลือด (hemoptysis) อีก 4 ปีต่อมาป่วยเป็นโรคหลอดเสียงอักเสบ เมื่อมีเสลดมาก บางครั้งก็สูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์

ตลอดชีวิต Chopin ปรึกษาหมอหลายคน (จำนวนตั้งแต่ 14-50 คน) เพราะเป็นคนอ่อนแอ และเดินทางบ่อย ดังนั้นจึงต้องมีหมอดูแลรักษาหลายคน และคนสุดท้ายคือแพทย์ชื่อ Jean Cruveilhier ซึ่งได้ลงความเห็นว่า Chopin ตายด้วยวัณโรค

แต่แพทย์ปัจจุบัน หลังจากที่ได้อ่านชีวประวัติด้านสุขภาพของ Chopin แล้ว มีความเห็นว่า cystic fibrosos อาจเป็นสาเหตุหลัก ด้วยหลายเหตุผล เช่น ในวัยหนุ่ม Chopin มีเพศสัมพันธ์กับสตรีหลายคนแต่ไม่มีทายาท นี่คืออาการเป็นหมันอันเป็นอาการหนึ่งของโรค CF ถ้าได้ทดสอบทางพันธุกรรมโดยเอาเนื้อเยื่อจากหัวใจของ Chopin มาวิเคราะห์ แต่ทางโบสถ์ไม่ยินยอมอนุญาต

โรคที่ Chopin ตาย จึงยังเป็นปริศนาต่อไป

อ่านเพิ่มเติมจาก “Chopin’s Heart - The Quest to Identity the Mysterious Illness of the World’s Most Beloved Composer โดย Steven Lagerberg จัดพิมพ์โดย Lagerberg, 2011 ISBN 1-4564-0296-X

///////////////////////

สัปดาห์หนังสือประจำปี 2558 พบกับหนังสือ "อารยธรรมสุดยอด" โดย ศ.ดร.สุทัศน์ ยกส้าน ซึ่งมีหัวเรื่องดังต่อไปนี้

ถ้ำลัสโกและถ้ำเซโว ห้องภาพของจิตรกรยุคก่อนประวัติศาสตร์
บาบิโลน นครบุญหรือเมืองบาป
คนอสซอส อารยธรรมมีโนนที่สาบสูญ
ทรอย ตำนานสงครามบรรลือโลก
จารึกแห่งเดดซี ผู้บันทึกเรื่องสมัยพระเยซู
เรือโนอาห์ เมื่อพระเจ้าต้องการนับหนึ่งใหม่
โมอาย อนุสาวรีย์หินลึกลับบนเกาะอีสเตอร์
นัซกา ธรณีศิลป์ลึกลับกลางทะเลทราย
มายา อารยธรรมที่กำลังจะสาบสูญเป็นครั้งที่ 2
สุสานทหารดินเผา กองทัพ "ใต้ดิน" ของจิ๋นซีฮ่องเต้
ไวกิง โจรสลัดผู้พบอเมริกาก่อนโคลัมบัส
เมืองพระนคร ศาสนสถานมโหฬารที่สุดในโลก

พิเศษ ราคา 200 บาท จากราคาปก 240 บาท

เกี่ยวกับผู้เขียน

สุทัศน์ ยกส้าน
ประวัติการทำงาน-ราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์ สาขาฟิสิกส์และดาราศาสตร์ และ ศาสตราจารย์ ระดับ 11 ภาควิชาฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, นักวิทยาศาสตร์ดีเด่นและนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขากายภาพและคณิตศาสตร์ ประวัติการศึกษา-ปริญญาตรีและโทจากมหาวิทยาลัยลอนดอน, ปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย

อ่านบทความ สุทัศน์ ยกส้าน ได้ทุกวันศุกร์










กำลังโหลดความคิดเห็น