เป็นข่าวกันมาช่วงหนึ่งกรณี “ตูน บอดี้สแลม” ถูกฟ้าผ่าแต่รอดตายราวปาฏิหาริย์ อะไรทำให้เขารอดตาย แล้วเขาได้บทเรียนอะไรจากประสบการณ์เฉียดตายครั้งนี้ SuperSci พาไปไขคำตอบ
เพื่อไขคำตอบว่าเหตุใดตัวเองจึงรอดตาย อาทิวราห์ คงมาลัย หรือ ตูน บอดี้สแลม ไม่ขอรับค่าตัว แต่มาร่วมเสวนาในกิจกรรม “คุยกันฉันท์วิทย์” ในหัวข้อไขปริศนา ฟ้าผ่า “ตูน บอดี้สแลม” รอดปาฏิหาริย์ ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 25 พ.ย.57 ณ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พร้อม ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ จากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
ตูนเล่าย้อนเหตุการณ์ฟ้าผ่าที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือน ต.ค.ที่ผ่านมาว่า เกิดขึ้นระหว่างซ้อมคอนเสิร์ตและอยู่ระหว่างการถ่ายรายการ “ที่นี่หมอชิต” อยู่ข้างๆ เวที ขณะนั้นเขาและเพื่อนร่วมวง รวมทั้งพิธีกรรายการคือ ดู๋-สัญญา คุณากร และ เสนาลิง-สมเกียรติ จันทร์พราหมณ์ ยืนสัมภาษณ์ในช่วงที่ฝนกำลังตกปรอยๆ และยืนกางร่มกันอยู่ และเขาก็รู้ได้ยินเหมือนเสียงประทัด และมีประกายไฟอยู่ที่นิ้วซึ่งถือร่มอยู่ เขาจึงโยนร่มทิ้งแล้วเข้าไปหลบในรถตู้
ผู้อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า ระหว่าที่ตูนยืนสัมภาษณ์อยู่นั้น เห็นสายฟ้าผ่าลงกลางทุ่งนาที่อยู่ด้านหลังเวที และมีสายฟ้าเส้นบางๆ ฟาดลงมาตรงที่ตูนยืนอยู่ และเห็นเขาสะดุ้งแล้วโยนร่มทิ้ง โดยสายฟ้าที่ผ่าลงกลางทุ่งนานั้นน่าจะอยู่ห่างไปหลายร้อยเมตร
ด้าน ดร.บัญชา ให้ข้อมูลว่าฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้หลายแบบ สำหรับเมืองไทยนั้นเป็นฟ้าผ่าจากฝนฟ้าคะนอง โดยมีทั้งแบบฟ้าผ่าระหว่างก้อนเมฆ ฟ้าผ่าภายในก้อนเมฆที่เห็นแสงวาบและเสียงครืนตามมา และฟ้าผ่าจากก้อนเมตรลงดิน โดยลักษณะการผ่านั้นเป็นเหมือนรากไม้ที่แตกแขนงเป็นกิ่งหลายๆ เส้น ซึ่งเส้นหลักนั้นมีกระแสสูงเป็นหมื่นแอมป์ ถ้าถูกผ่าตรงๆ ย่อมไม่รอด แต่เป็นไปได้ว่าตูนอาจโดยสายฟ้าที่เป็นกิ่งแขนงของเส้นหลัก
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าระดับของกระแสไฟฟ้าที่มีผลต่อกล้ามเนื้อ ตั้งแต่ระดับเล็กๆ จนคนที่ได้รับไม่รู้สึกอะไร ระดับที่ทำให้รู้สึกแต่ไม่ส่งผลต่อกล้ามเนื้อ ระดับที่ส่งผลให้กล้ามเนื้อหดตัวแต่คลายตัวกลับคืนได้ และกระแสไฟฟ้าระดับสูงๆ ที่สร้างความเสียหายต่อกล้ามเนื้อ ซึ่งจากข้อมูลว่าตูนสะดุ้งเมื่อสายฟ้า จึงสันนิษฐานว่าน่าจะได้รับกระแสไฟฟ้าในปริมาณที่ส่งผลต่อกล้ามเนื้อแต่ไม่ได้สร้างความเสียหาย
ข้อมูลระหว่างการเสวนายังระบุด้วยว่า เท่าที่มีการบันทึกพบว่าฟ้าผ่าได้ไกลจากก้อนเมฆได้กว่า 40 กิโลเมตร และหากฟ้าผ่าลงโครงสร้างอาคารที่ไม่มีระบบป้องหันฟ้าผ่ายังทำให้เกิดประกายไฟกระเด็นได้ไกลถึง 3 เมตร ส่วนสายฟ้าที่ลงมาเป็นรากไม้นั้นแต่ละกิ่งยาวถึง 50 เมตร ดังนั้นโลหะหรือวัตถุเหนี่ยวนำไฟฟ้าที่มีขนาดเล็กกว่าจึงไม่ได้ล่อฟ้าผ่า
สิ่งที่พึงระวังเพื่อป้องกันฟ้าผ่าคือไม่อยู่กลางเมื่อเกิดฝนฟ้าคะนอง หรือแม้แต่ท้องฟ้าใสๆ ก็อาจเกิดฟ้าผ่าจากเมฆฝนที่อยู่ไกลได้ แต่การสวมใส่โลหะหรือการฟังวิทยุและโทรศัพท์มือถือก็ไม่ก็ไม่ใช่สิ่งล่อฟ้าอย่างที่เข้าใจ แต่เมื่อเกิดฝนฟ้าคะนองไม่ควรหลบอยู่ใต้ต้นไม้สูง หรือแม้แต่กระท่อมกลางนาก็อาจเกิดประกายไฟจากเสาที่ถูกฟ้าผ่าได้ และหากอยู่ในที่โล่งแจ้งให้นั่งยองๆ เท้าชิดเพื่อป้องกันกระแสไฟฟ้าไหลครบวงจร
ตูนระบุอีกว่า ประสบการณ์ครั้งนี้ทำให้เขา “แหยง” เมื่อเห็นฝนตกปรอยๆ และจะหาที่กำบัง ถ้าหากเล่นกีฬากลางแจ้งระหว่างฝนตกจะเปลี่ยนตัวทันที ซึ่งการเสวนาครั้งนี้ทำให้เขาได้ความรู้ใหม่ว่า ฟ้าที่อยู่ไกลๆ ก็ผ่าลงมาตรงที่อยู่ได้
*******************************
