กระแสข่าวลือสึนามิที่ภาคใต้ทำให้หลายคนตื่นกลัว บางคนถึงขั้นยกเลิกแผนการไปเที่ยวพักผ่อนชายทะเล แต่จริงหรือที่เราสามารถรู้ล่วงหน้าได้ว่าจะเกิดสึนามิเมื่อไร หรือแม้ทำนายได้แม้กระทั่งแผ่นดินไหวซึ่งเป็นต้นเหตุของคลื่นยักษ์...เรามีเทคโนโลยีที่ทำได้แล้วหรือไม่?
ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ ลงพื้นที่หาคำตอบโดยมี รศ.ดร.ปัญญา จารุศิริ อาจารย์และนักวิจัยด้านธรณีวิทยาแผ่นดินไหว จากภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความเห็นว่า ถ้ามีการเตือนเรื่องแผ่นดินไหวองค์กรที่รู้เรื่องมากที่สุดคือ องค์กรสำรวจทางธรณีวิทยาสหรัฐ (U.S. Geological Survey) หรือ ยูเอสจีเอส (USGS) ส่วนองค์กรที่รู้เรื่องสึนามิมากที่สุดคือองค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐ (นาซา) ที่มีเทคโนโลยีภาพถ่ายทางอากาศและมีความเชี่ยวชาญมากกว่า
ในฐานะนักธรณีวิทยา รศ.ดร.ปัญญากล่าวว่า ไม่สามารถทำนายการเกิดแผ่นดินไหวในเชิงเวลา คือ ไม่สามารถระบุได้ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวขึ้นเมื่อไร แต่สามารถทำนายการเกิดแผ่นดินไหวในเชิงพื้นที่ได้ โดยไทยอยู่ใกล้แนวแผ่นดินไหวที่เกิดจากการมุดตัวของแผ่นเปลือกโลกอินโด-ออสเตรเลียมุดลงแผ่นเปลือกโลกซุนดราหรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งในแนวแผ่นดินไหวนี้มีบริเวณที่ไม่เคยเกิดแผ่นดินไหวมาก่อน (seismic gap) คือหมู่เกาะอันดามันและนิโคบาร์ บริเวณที่ไม่เคยเกิดแผ่นดินไหวนั้นหมายความว่า บริเวณดังกล่าวรอที่จะเกิดแผ่นดินไหว ส่วนบริเวณใดที่เกิดแผ่นดินไหวแล้วจะสงบไปอีกนาน
รศ.ดร.ปัญญากล่าวด้วยว่าเราไม่สามารถทำนายแผ่นดินไหวได้ แต่สามารถเตือนล่วงหน้าได้ ซึ่งเทคโนโลยีดีที่สุดตอนนี้สามารถเตือนแผ่นดินไหวได้ล่วงหน้า 4 วินาที จากการตรวจวัดคลื่นแผ่นดินไหวนำ (foreshock) ที่จะเกิดก่อนแผ่นดินไหวหลัก (mainshock) 4 วินาที โดยญี่ปุ่นได้ลงทุนในเรื่องนี้ โดยเห็นประโยชน์ที่ว่าอย่างน้อยสามารถรักษาชีวิตประชาชนได้ 40,000 คน เนื่องจากญี่ปุ่นมีอัตราการใช้รถไฟใต้ดินวินาทีละ 10,000 คน ซึ่งหากเตือนล่วงหน้าได้ ผู้คนที่กำลังใช้รถไฟใต้ดินสามารถหาที่หลบภัยในจุดที่แข็งแรงที่สุดภายในสถานีรถไฟได้
“การเกิดแผ่นดินไหวทุกครั้งไม่ได้ก่อให้เกิดสึนามิเสมอไป การเกิดสึนามิมีเงื่อนไขเมื่อเกิดแผ่นดินไหวใต้น้ำที่มีการเลื่อนระดับของแนวรอยเลื่อน แต่หากเป็นเพียงการเคลื่อนในแนวราบก็ไม่เกิดสึนามิ และถึงแม้เกิดสึนามิก็ยังมีทั้งสึนามิที่เราสนใจคือสึนามิที่ก่อให้เกิดคลื่นยักษ์ และสึนามิขนาดเล็กๆ ที่ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมาก” รศ.ดร.ปัญญากล่าว
******************