สวทช.ร่วมกับอีก 5 หน่วยงานหนุนเทคโนโลยีชีวภาพและไอทีช่วยพัฒนาและปรับปรุงพันธุ์ข้าว เพื่อชาวนามีเมล้ดพันธุ์เพียงพอความต้องการ
นายชาญพิทยา ฉิมพาลี ฮธิบดีกรมการข้าว ให้ข้อมูลว่าในแต่ละปีเกษตรกรต้องใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวในการเพาะปลูกประมาณ 1.4 ล้านตัน แต่ผลิตได้เพียงครึ่งเดียวของความต้องการ ซึ่งทำให้เกษตรกรบางส่วนต้องเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้มากกว่า 2-3 ฤดูกาลปลูก ขณะที่เมล็ดพันธุ์มีอายุการใช้งานได้ดีเพียง 8-10 เดือนเท่านั้น
จากปัญหาดังกล่าวจึงเป็นที่มาของความร่วมมือ 6 หน่วยงาน ได้แก่ กรมการข้าว, ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) มูลนิธิข้าวไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ , สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) และสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.) ในการส่งเสริมการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี
จากความร่วมมือดังกล่าว อธิบดีกรมการข้าวระบุว่าเพื่อพัฒนาระบบผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวให้ได้คุณภาพตามมาตรฐาน และสนับสนุนผู้ผลิตและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าวให้ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีได้เพียงพอความต้องการของเกษตรกร โดยเน้นการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวในชั้น “พันธุ์ขยาย” คือเมล็ดพันธุ์ที่เกษตรกรนำไปเพาะปลูกเพื่อผลิตเป็นเมล็ดพันธุ์ของตัวเองต่อไป
ทางด้าน ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการ สวทช.เผยว่า สวทช.วิจัยและพัฒนาข้าวตั้งแต่ตั้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ โดยให้การสนับสนุนในความร่วมมือนี้ด้วยเทคโนโลยี 2 ด้าน คือ เทคโนโลยีชีวภาพ โดยเฉพาะการนำเครื่องหมายโมเลกุลมาใช้ในการคัดเลือกและปรับปรุงพันธุ์ข้าว จนได้ข้าวที่มีลักษณะเด่นและคุณภาพดี เช่น กข51 ที่ทนน้ำท่วมฉับพลัน และ กข18 ที่ต้านทานโรคไหม้ เป็นต้น และเทคโนโลยีไอที เช่น เทคโนโลยี GAP seed mobile assessmentซึ่งใช้ตรวจแปลงผลิตเมล็ดพันธุ์ที่บันทึกและส่งข้อมูลผ่านแท็บเลต ที่ร่นเวลาทำงานจาก 2 เดือนเหลือเพียงไม่กี่วัน เป็นต้น