ผอ.ทีเซลส์เผยผลสำเร็จจากการประชุมความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และวิชาการไทย-สหรัฐฯ ระบุสถาบันมะเร็งสหรัฐฯสนใจร่วมมือศึกษาการกลายพันธุ์เซลล์มะเร็งกับศูนย์จีโนมทางการแพทย์ของ รพ.รามา ที่ทีเซลส์ให้การสนับสนุน พร้อมนำเสนอบัตรเภสัชพันธุศาสตร์คัดกรองยีนแพ้ยา หลังสถาบันวิจัยจีโนมมนุษย์ของอเมริกาสนใจ หวังขยายผลสู่คนทั่วโลก
ดร.นเรศ ดำรงชัย ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (TCELS) พร้อมด้วย ศ.ดร.วสันต์ จันทราทิตย์ หัวหน้าศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้ร่วมเดินทางสร้างความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และวิชาการไทย-สหรัฐฯ (US-Thailand joint Committee Meeting on Science and Technology) ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.สหรัฐฯ ระหว่างวันที่ 8-14 มี.ค.57
สืบเนื่องจากที่ประเทศไทยได้ลงนามความร่วมมือกับสหรัฐฯด้านวิทยาศาสตร์และวิชาการเมื่อเดือน ส.ค.56 ซึ่งเป็นการกำหนดกรอบและแนวทางความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ในเรื่องที่มีความสนใจร่วมกัน และเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและอุตสาหกรรมของทั้งสองประเทศ ทั้งนี้ สาขาความร่วมมือภายใต้ข้อตกลง ได้แก่ เทคโนโลยีชีวภาพ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร วัสดุศาสตร์ นาโนเทคโนโลยี เทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ พลังงานหมุนเวียน พลังงานนิวเคลียร์ การรักษาความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ ชีววิทยาศาสตร์ สุขภาพและสิ่งแวดล้อม โดยจะจัดให้มีการประชุมกรรมการร่วมอย่างเป็นทางการครั้งแรกในปี 2558 ในประเทศไทย
ดร.นเรศ เปิดเผยว่า ทีเซลส์ในฐานะรับผิดชอบงานชีววิทยาศาสตร์ ได้เข้าร่วมประชุมกับผู้แทนจากสถาบันสาธารณสุขแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NIH) สถาบันมะเร็งแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NCI) และพิพิธภัณฑ์สมิธโซเนียน พร้อมประสานความร่วมมือในอนาคต โดยเฉพาะสถาบันมะเร็งแห่งชาติสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในศูนย์วิจัยเฉพาะด้านของสถาบันสาธารณสุขฯ ในโครงการวิจัยร่วมด้านการบำบัดมะเร็งด้วยการให้ยาซึ่งออกฤทธิ์เฉพาะเจาะจงกับเซลล์มะเร็งเป้าหมาย ถือเป็นการต่อสู้กับมะเร็งอย่างตรงจุดและส่งผลต่อเซลล์ปกติน้อยกว่าการใช้เคมีบำบัด ช่วยให้ผู้ป่วยมีอัตราการตอบสนองต่อตัวยาดีขึ้น ยืดอายุของผู้ป่วยได้ยาวนานขึ้น และมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น เนื่องจากยาหลายชนิดอยู่ในรูปแบบรับประทาน ผู้ป่วยจึงไม่จำเป็นต้องเข้าออกโรงพยาบาล
อย่างไรก็ตาม การรักษาด้วยยาที่ออกฤทธิ์เจาะจงกับเซลล์มะเร็งเป้าหมาย จำเป็นต้องทำการตรวจยืนยันจากทางห้องปฏิบัติการก่อนว่าเซลล์มะเร็งของผู้ป่วยรายนั้นมีตำแหน่งการกลายพันธุ์บนยีนเหมาะสมกับการใช้ยาประเภทนั้นหรือไม่ ซึ่ง ดร.นเรศ คาดว่าประเทศไทยจะมีความร่วมมือกับสถาบันมะเร็งแห่งชาติสหรัฐฯ ในการศึกษาหาตำแหน่งการกลายพันธุ์บนยีนของเซลล์มะเร็งท่อน้ำดี เซลล์มะเร็งของหู คอ จมูก และเซลล์มะเร็งโพรงหลังจมูก เพื่อหายาซึ่งออกฤทธิ์เฉพาะเจาะจงกับเซลล์มะเร็งเป้าหมายมารักษาคนไข้มะเร็งกลุ่มนี้
ผอ.ทีเซลส์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีการประสานความร่วมมือด้านจีโนมทางการแพทย์ด้วย โดยเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา สถาบันวิจัยจีโนมมนุษย์ (National Human Genome Research Institute : NHGRI) ได้จัดประชุมด้านจีโนมทางการแพทย์ซึ่งมีผู้แทนจาก 25 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วมประชุม ในส่วนของประเทศไทย ศ.ดร.วสันต์ จันทราทิตย์ หัวหน้าศูนย์จีโนมมนุษย์ ภายใต้โครงการเภสัชพันธุศาสตร์ ซึ่งทีเซลส์ให้การสนับสนุนได้เข้าร่วมการประชุมดังกล่าวด้วย และได้รับมอบหมายให้เป็นประธานร่วมในกลุ่มทำงานด้านเภสัชพันธุศาสตร์
“งานลำดับแรกจะมุ่งเน้นที่จะลดอุบัติการณ์การเกิดผื่นแพ้ยารุนแรงแบบสตีเวนส์-จอห์นสันซินโดรม ซึ่งทางสถาบัน NHGRI สนใจบัตรเภสัชพันธุศาสตร์ของไทย ที่สามารถระบุยีนแพ้ยาของคนไข้แต่ละราย ขณะเดียวกันคณะทำงานระดับโลกด้านจีโนมทางการแพทย์ก็มีความสนใจที่จะนำไปประยุกต์ใช้ในแต่ละประเทศทั่วโลกด้วย ซึ่งกรอบความร่วมมือไทย-สหรัฐในครั้งนี้น่าจะทำให้ประเทศไทยแสดงบทบาทที่เด่นชัดในด้านจีโนมทางการแพทย์ได้ดียิ่งขึ้น” ดร.นเรศ ระบุ
นอกจากนี้ ทีเซลส์ยังได้ประสานกับสถาบันสมิธโซเนียนเพื่อนำนิทรรศการจีโนม ปลดล็อครหัสชีวิต ซึ่งขณะนี้จัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติสมิธโซเนียนด้านประวัติศาสตร์ธรรมชาติ มาแสดงที่ประเทศไทย โดยนิทรรศการดังกล่าวใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์สื่อการสอนชั้นสูง ช่วยให้ผู้เข้าชมไม่ว่าจะเป็น นักเรียน นักศึกษา นักวิทยาศาสตร์และบุคคลทั่วไป ได้เรียนรู้และเข้าใจเรื่องราวของดีเอ็นเอในอดีต การปฏิวัติด้านจีโนมมนุษย์และการนำไปประยุกต์ใช้ทางการแพทย์ได้อย่างชัดเจนในเวลาจำกัด และหากมีแนวโน้มจะนำมาแสดงในประเทศไทยได้จริง ทีเซลส์จะประสานกับองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) ให้แปลเนื้อหาและสื่อการสอนบางส่วนเป็นภาษาไทยพร้อมเชิญนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของไทยมาร่วมกิจกรรมและยกตัวอย่างความสำเร็จของศาสตร์จีโนมที่นำมาใช้ทางการแพทย์ในไทยด้วย
ดร.นเรศ ดำรงชัย ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (TCELS) พร้อมด้วย ศ.ดร.วสันต์ จันทราทิตย์ หัวหน้าศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้ร่วมเดินทางสร้างความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และวิชาการไทย-สหรัฐฯ (US-Thailand joint Committee Meeting on Science and Technology) ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.สหรัฐฯ ระหว่างวันที่ 8-14 มี.ค.57
สืบเนื่องจากที่ประเทศไทยได้ลงนามความร่วมมือกับสหรัฐฯด้านวิทยาศาสตร์และวิชาการเมื่อเดือน ส.ค.56 ซึ่งเป็นการกำหนดกรอบและแนวทางความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ในเรื่องที่มีความสนใจร่วมกัน และเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและอุตสาหกรรมของทั้งสองประเทศ ทั้งนี้ สาขาความร่วมมือภายใต้ข้อตกลง ได้แก่ เทคโนโลยีชีวภาพ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร วัสดุศาสตร์ นาโนเทคโนโลยี เทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ พลังงานหมุนเวียน พลังงานนิวเคลียร์ การรักษาความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ ชีววิทยาศาสตร์ สุขภาพและสิ่งแวดล้อม โดยจะจัดให้มีการประชุมกรรมการร่วมอย่างเป็นทางการครั้งแรกในปี 2558 ในประเทศไทย
ดร.นเรศ เปิดเผยว่า ทีเซลส์ในฐานะรับผิดชอบงานชีววิทยาศาสตร์ ได้เข้าร่วมประชุมกับผู้แทนจากสถาบันสาธารณสุขแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NIH) สถาบันมะเร็งแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NCI) และพิพิธภัณฑ์สมิธโซเนียน พร้อมประสานความร่วมมือในอนาคต โดยเฉพาะสถาบันมะเร็งแห่งชาติสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในศูนย์วิจัยเฉพาะด้านของสถาบันสาธารณสุขฯ ในโครงการวิจัยร่วมด้านการบำบัดมะเร็งด้วยการให้ยาซึ่งออกฤทธิ์เฉพาะเจาะจงกับเซลล์มะเร็งเป้าหมาย ถือเป็นการต่อสู้กับมะเร็งอย่างตรงจุดและส่งผลต่อเซลล์ปกติน้อยกว่าการใช้เคมีบำบัด ช่วยให้ผู้ป่วยมีอัตราการตอบสนองต่อตัวยาดีขึ้น ยืดอายุของผู้ป่วยได้ยาวนานขึ้น และมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น เนื่องจากยาหลายชนิดอยู่ในรูปแบบรับประทาน ผู้ป่วยจึงไม่จำเป็นต้องเข้าออกโรงพยาบาล
อย่างไรก็ตาม การรักษาด้วยยาที่ออกฤทธิ์เจาะจงกับเซลล์มะเร็งเป้าหมาย จำเป็นต้องทำการตรวจยืนยันจากทางห้องปฏิบัติการก่อนว่าเซลล์มะเร็งของผู้ป่วยรายนั้นมีตำแหน่งการกลายพันธุ์บนยีนเหมาะสมกับการใช้ยาประเภทนั้นหรือไม่ ซึ่ง ดร.นเรศ คาดว่าประเทศไทยจะมีความร่วมมือกับสถาบันมะเร็งแห่งชาติสหรัฐฯ ในการศึกษาหาตำแหน่งการกลายพันธุ์บนยีนของเซลล์มะเร็งท่อน้ำดี เซลล์มะเร็งของหู คอ จมูก และเซลล์มะเร็งโพรงหลังจมูก เพื่อหายาซึ่งออกฤทธิ์เฉพาะเจาะจงกับเซลล์มะเร็งเป้าหมายมารักษาคนไข้มะเร็งกลุ่มนี้
ผอ.ทีเซลส์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีการประสานความร่วมมือด้านจีโนมทางการแพทย์ด้วย โดยเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา สถาบันวิจัยจีโนมมนุษย์ (National Human Genome Research Institute : NHGRI) ได้จัดประชุมด้านจีโนมทางการแพทย์ซึ่งมีผู้แทนจาก 25 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วมประชุม ในส่วนของประเทศไทย ศ.ดร.วสันต์ จันทราทิตย์ หัวหน้าศูนย์จีโนมมนุษย์ ภายใต้โครงการเภสัชพันธุศาสตร์ ซึ่งทีเซลส์ให้การสนับสนุนได้เข้าร่วมการประชุมดังกล่าวด้วย และได้รับมอบหมายให้เป็นประธานร่วมในกลุ่มทำงานด้านเภสัชพันธุศาสตร์
“งานลำดับแรกจะมุ่งเน้นที่จะลดอุบัติการณ์การเกิดผื่นแพ้ยารุนแรงแบบสตีเวนส์-จอห์นสันซินโดรม ซึ่งทางสถาบัน NHGRI สนใจบัตรเภสัชพันธุศาสตร์ของไทย ที่สามารถระบุยีนแพ้ยาของคนไข้แต่ละราย ขณะเดียวกันคณะทำงานระดับโลกด้านจีโนมทางการแพทย์ก็มีความสนใจที่จะนำไปประยุกต์ใช้ในแต่ละประเทศทั่วโลกด้วย ซึ่งกรอบความร่วมมือไทย-สหรัฐในครั้งนี้น่าจะทำให้ประเทศไทยแสดงบทบาทที่เด่นชัดในด้านจีโนมทางการแพทย์ได้ดียิ่งขึ้น” ดร.นเรศ ระบุ
นอกจากนี้ ทีเซลส์ยังได้ประสานกับสถาบันสมิธโซเนียนเพื่อนำนิทรรศการจีโนม ปลดล็อครหัสชีวิต ซึ่งขณะนี้จัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติสมิธโซเนียนด้านประวัติศาสตร์ธรรมชาติ มาแสดงที่ประเทศไทย โดยนิทรรศการดังกล่าวใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์สื่อการสอนชั้นสูง ช่วยให้ผู้เข้าชมไม่ว่าจะเป็น นักเรียน นักศึกษา นักวิทยาศาสตร์และบุคคลทั่วไป ได้เรียนรู้และเข้าใจเรื่องราวของดีเอ็นเอในอดีต การปฏิวัติด้านจีโนมมนุษย์และการนำไปประยุกต์ใช้ทางการแพทย์ได้อย่างชัดเจนในเวลาจำกัด และหากมีแนวโน้มจะนำมาแสดงในประเทศไทยได้จริง ทีเซลส์จะประสานกับองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) ให้แปลเนื้อหาและสื่อการสอนบางส่วนเป็นภาษาไทยพร้อมเชิญนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของไทยมาร่วมกิจกรรมและยกตัวอย่างความสำเร็จของศาสตร์จีโนมที่นำมาใช้ทางการแพทย์ในไทยด้วย