xs
xsm
sm
md
lg

เปิดตัวพืชไทย “วงศ์ชาฤาษี” พันธุ์ใหม่ 6 ชนิด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ดร.ปราโมทย์ ไตรบุญ
วว.เปิดตัวพืชไทย “วงศ์ชาฤาษี” พันธุ์ใหม่ 6 ชนิด เตรียมเพาะขยายเป็นพันธุ์ไม้สวยงามทางเศรษฐกิจ สร้างอาชีพและอนุรักษ์พันธุ์ พร้อมวางแผนเก็บรักษาไว้ในรูปเมล็ดพันธุ์ในห้องอุณหภูมิต่ำที่ธนาคารเชื้อพันธุ์พืช ที่จะเปิดทำการปีหน้า อีกทั้งมีศึกษาคุณสมบัติทางยาต่อไปด้วย

นายยงวุฒิ เสาวพฤกษ์ ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) เปิดเผยว่า นักวิจัยของสถาบันได้ค้นพบพืชชนิดใหม่ของโลกในวงศ์ชาฤาษี (Family Gesneriaceae) 6 ชนิด ได้ แก่ เศวตแดนสรวง ข้าวตอกโยนก บุหงาการะเกตุ เนตรม่วง สุดดีดาว และมาลัยฟ้อนเล็บ ซึ่งทั้งหมดเป็นพรรณไม้สวยงาม และจะนำมาเพาะพันธุ์ทางเศรษฐกิจต่อไป

ด้าน ดร.ปราโมทย์ ไตรบุญ นักวิจัยฝ่ายเทคโนโลยีการเกษตร วว.และหัวหน้าโครงการวิจัยธนาคารเชื้อพันธุ์พืช ซึ่งเป็นผู้ออกสำรวจพืชในวงศ์ชาฤาษี กล่าวอธิบายแก่ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ว่า เริ่มออกสำรวจพืชในวงศ์ชาฤาษีมาได้ประมาณ 5 ปี ซึ่งเป้าหมายแท้จริงไม่ใช่การค้นหาพืชพันธุ์ใหม่ แต่มีหน้าที่ในการรวบรวมพันธุ์พืชเพื่อป้องกันการสูญหาย โดยเก็บไว้ในรูปเชื้อพันธุ์คือเพาะในแปลงปลูก และเก็บไว้ในรูปของเมล็ดพันธุ์

“ตอนนี้เก็บเมล็ดพันธุ์ส่วนหนึ่งไว้ในตู้เย็น แต่อนาคตจะมีห้องอุณหภูมิต่ำที่เก็บรักษาเมล็ดพันธุ์ไว้ในธนาคารเชื้อพันธุ์พืชที่ลำตะคอง จ.นครราชสีมา ซึ่งภายในปี 2557 น่าจะเริ่มใช้งานได้” ดร.ปราโมทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านพืชวงศ์ขิง วงศ์เทียนและวงศ์ชาฤาษีกล่าว

แนวทางในการขยายพันธุ์พืชทั้ง 6 ชนิดนั้น ดร.ปราโมทย์ แจงว่าจะเพาะขยายด้วยเมล็ด เนื่องจากฝักของพืชมีเมล็ดมากกว่า 500 ชนิด ซึ่งในธรรมชาติอาจมีโอกาสในการงอกได้เนื่องจากไปตกในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม แต่เชื่อว่าการปลูกทดลองน่าจะโอกาสเกิดเกินครึ่งหรือเกิดครบทั้งหมด และยังเป็นวิธีที่มีต้นทุนถูกกว่าการเพาะขยายด้วยเนื้อเยื่อ

สำหรับพืชในวงศ์ชาฤาษีนั้นเป็นพืชล้มลุกที่เจอเฉพาะฤดูฝน และส่วนใหญ่มีอายุสั้นเพียง 1 ปี เมื่อถึงฤดูแล้งจะเหี่ยวตายไป ยกเว้นเศวตแดนสรวงที่ทีมวิจัยพบว่าน่าจะอยู่ได้ถึง 10 ปี โดยเมื่อเหี่ยวเฉาไปแล้วจะมีหน่อใหม่ขึ้นมาทดแทน ลักษณะเด่นของพืชวงศ์นี้คือดอกมี 5 แฉก แบ่งเป็นด้านบน 2 แฉก และด้านล่าง 3 แฉก อาศัยในพื้นที่แล้ง และเกิดตามซอกหิน มีฝักสำหรับกระจายเมล็ด ซึ่งเมื่อฝักแห้งจะแตกและบิดเกลียว ทำให้ลมพัดกระจายไปได้ไกล

สำหรับที่มาของชื่อวงศ์นั้น ดร.ปราโมทย์ กล่าวว่า มีการนำใบของพืชวงศ์นี้มาตากแห้งเพื่อผลิตเป็นชา จึงเป็นไปได้ว่าพืชวงศ์นี้จะมีคุณสมบัติทางยา ซึ่งต้องศึกษาในเรื่องนี้ต่อไป แต่สำหรับพืช 6 ชนิดใหม่ที่ค้นพบนี้เป็นพืชที่นำออกมาจากป่า และยังไม่มีการตั้งชื่อเรียกสามัญ รวมถึงชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์

ทั้งนี้ ทั่วโลกมีพืชวงศ์ชาฤาษีประมาณ 3,900 ชนิด ซึ่งในการตรวจสอบว่าเป็นพืชชนิดใหม่หรือไม่นั้น นักวิจัยซึ่งมีข้อมูลและเอกสารทางวิชาการเกี่ยวกับพืชวงศ์นี้ส่วนหนึ่งแล้ว จะเปรียบเทียบลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของพืชที่เก็บตัวอย่างมาศึกษา หากไม่ซ้ำกับลักษณะที่มีอยู่เดิม ก็ถือเป็นพันธุ์ใหม่ และทำการตั้งชื่อทางวิทยาศาสตร์ที่เป็นภาษาละติน โดยตั้งชื่อได้หลายลักษณะ เช่น ตั้งชื่อตามผู้ค้นพบ หรือลักษณะเด่นของพืช เป็นต้น และปัจจุบันยังมีเทคโนโลยีจัดหมวดหมู่พืชที่ตรวจสอบได้ถึงระดับดีเอ็นเอ

สำหรับชาฤาษีทั้ง 6 ชนิดนี้ ทีมวิจัยได้เปรียบเทียบข้อมูลจากเดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ และฝรั่งเศส ซึ่งมีพืชในวงศ์เดียวกับ และพบว่าไม่ซ้ำ จึงได้ตีพิมพ์ลงวารสารวิชาการไทยฟอเรสต์บูลเลติน (Thai Forest Bulletin) ซึ่งเป็นวารสารที่ได้รับการยอมรับระดับโลก เมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ทีมวิจัยยังพบด้วยว่าชาฤาษีชนิดใหม่เกือบทั้งหมดอยู่ในระบบนิเวศที่ค่อนข้างเปรอะบางซึ่งง่ายต่อการถูกคุกคาม เช่น มาลัยฟ้อนเล็บ และสุดดีดาว ซึ่งอยู่ใกล้พื้นที่ซึ่งมีการระเบิดหิน ในอนาคตจึงอาจต้องเสนอเป็นพืชกลุ่มหายากหรือพืชถูกคุกคามที่ต้องขึ้นบัญชี

***
รายละเอียดของพืชวงศ์ชาฤาษีชนิดใหม่ ดังนี้
เศวตแดนสรวง หรือชื่อวิทยาศาสตร์ พาราโยเอีย มิดเดิลโทนี (Parabowa middletonii) เป็นไม้ล้มลุกอายุหลายปี ขึ้นบนเกาะหิน ลำต้นตั้งตรง สูง 10-30 เซ็นติเมตร ใบเรียงตรงข้ามสลับตั้งฉาก ชิดติดกันบริเวณส่วนปลายของลำต้น ดอกสีขาวบานช่วงต้นเดือน ส.ค.-ต.ค. ค้นพบทางภาคเหนือ ในเขต จ.น่าน ขึ้นบนหินปูนในร่มรำไร ที่ความสูง 1,000-1,300 เมตร จากระดับน้ำทะเล

ข้าวตอกโยนก หรือชื่อวิทยาศาสตร์ ไมโครชิริตา อัลบิฟลอรา (Microchirita albiflora) เป็นไม้ล้มลุกปีเดียว ลำต้นฉ่ำน้ำ สีเขียวอ่อน ใบเรียงตรงข้าม ดอกสีขาวบานช่วงต้นเดือน ส.ค.-ปลายเดือน ต.ค.ค้นพบทางภาคเหนือ ในเขต อ.แม่ฟ้าหลวง และ อ.แม่สาย จ.เชียงราย  ที่ความสูง 500-1,000 เมตร จากระดับน้ำทะเล   

บุหงาการะเกตุ  หรือ ชื่อทางวิทยาศาสตร์  ไมโครชิริตา คาราเกติ  (Microchirita karaketii) ไม้ล้มลุกปีเดียว สูงได้ถึง 60 ซม.ใบเรียงตรงข้าม ช่อดอกเกิดบนใบ ดอกสีขาวมีแต้มสีม่วงและสีเหลือง บานช่วงปลายเดือนสิงหาคมถึงเดือนพฤศจิกายน  ค้นพบทางภาคเหนือ ในเขตจังหวัดเชียงใหม่ (อำเภอเชียงดาว) พบตามป่าผลัดใบแบบผสม ตามภูเขาหินปูน ที่ความสูง 530-750 ม.จากระดับน้ำทะเล

เนตรม่วง ชื่อทางวิทยาศาสตร์ ไมโครชิริตา พัวร์พูเรีย (Microchirita purpurea) ไม้ล้มลุกปีเดียว สูง 0.25-1 ม.ใบเรียงตรงข้าม ช่อดอกเกิดบนใบ ดอกสีม่วงบานช่วงเดือนสิงหาคมถึงเดือนตุลาคม ค้นพบทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ ในเขตจังหวัดจันทบุรี (อำเภอแก่งหางแมว) พบตามหน้าผาหินปูนแบบเปิดหรือบริเวณปากถ้ำ

สุดดีดาว ชื่อทางวิทยาศาสตร์ ไมโครชิริตา สุดดีอิ (Microchirita suddeei) เป็นไม้ล้มลุกปีเดียว ตั้งตรง สูงได้ถึง 40 ซม.ใบเรียงตรงข้าม แผ่นใบบาง รูปไข่ ช่อดอกเกิดบนใบที่รอยต่อของก้านใบกับแผ่นใบ ดอกสีขาวนวลหรือสีมาวงอ่อนบานช่วงเดือนสิงหาคมถึงเดือนตุลาคม  ค้นพบทางภาคเหนือ ในเขต อ.ร้องกวาง จ.แพร่  และ อ.งาว อ.แจ้ห่ม และอ.บ้านสา จ.ลำปาง พบตามหินปูนในป่าดิบแล้งและป่าผลัดใบแบบผสม ที่ความสูง 200-600 เมตร จากระดับน้ำทะเล

มาลัยฟ้อนเล็บ ไมโครชิริตา วูดี (Microchirita woodii) เป็นไม้ล้มลุกปีเดียว ลำต้นสูงได้ถึง 50 เซนติเมตร ใบเรียงตรงข้าม แผ่นใบรูปไข่ ช่อดอกเกิดบนใบ ดอกสีเหลืองอ่อนมีแต้มสีน้ำตาลแดง บานช่วงต้นเดือน ส.ค.ถึงปลายเดือน ต.ค. ค้นพบทางภาคเหนือ ในเขต อ.เมือง จ.น่าน ขึ้นตามเขาหินปูน ในป่าดิบแล้งและป่าผลัดใบ
เศวตแดนสรวง
เนตรม่วง
ข้าวตอกโยนก
มาลัยฟ้อนเล็บ
สุดดีดาว
บุหงาการะเกตุ






กำลังโหลดความคิดเห็น