มูลนิธิบิล เกตส์ ทุ่มงบ 3 ล้านบาทให้นักวิทยาศาสตร์พัฒนาถุงยางอนามัยที่แข็งแรงขึ้นและบางเบากว่าเดิม ด้วยการผสมวัสดุมหัศจรรย์อย่าง “กราฟีน” ที่ผู้ค้นพบเพิ่งได้รับรางวัลโนเบลฟิสิกส์ไปเมื่อ 3 ปีก่อน
ผลงานแรกที่จะผลิตขึ้นโดยสถาบันกราฟีนแห่งอังกฤษ (National Graphene Institute) ในแมนเชสเตอร์ ไม่ใช่สมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอกนิกส์อันทันสมัย แต่กลับเป็นถุงยางอนามัยที่มีความปลอดภัยมากขึ้น โดยได้รับทุนจากมูลนิธิบิลแอนด์เมลินดาเกตส์ (Bill and Melinda Gates Foundation) เป็นมูลค่า 3 ล้านบาท ให้พัฒนาถุงยางอนามัยที่แข็งแรงขึ้น บางลง โดยใช้กราฟีนที่ได้ชื่อว่า “วัสดุมหัศจรย์”
บีบีซีนิวส์ระบุว่า วัสดุดังกล่าวจะถูกผสมเข้ากับยางธรรมชาติที่จะกระตุ้นการใช้งานจากการปรับปรุงการรับรู้สัมผัสที่ดีขึ้น ซึ่งกราฟีนนั้นเป็นวัสดุที่บางที่สุดและแข็งแรงที่สุดที่เรารู้จัก โดยถูกเผยออกมาครั้งแรกเมื่อปี 2004 ในมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ (University of Manchester) ซึ่ง เซอร์ อังเดร ไกม์ (Sir Andre Geim) และ เซอร์ คอสยา โนโวเซลอฟ (Sir Kostya Novoselov) นักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยผู้ค้นพบวัสดุดังกล่าวก็ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ไปเมื่อปี 2010
ทางองค์กรการกุศลชื่อดังได้ให้ทุนสนับสนุนแก่ทีมวิจัยแมนเชสเตอร์เพื่อพัฒนาวัสดุผสมสำหรับผลิตถุงยางอนามัย โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความพึงพอใจที่มากขึ้น และทำให้ทั่วโลกมีการใช้งานถุงยางอนามัยเพิ่มขึ้น โดย ดร.ปาปา สลิฟ โซว์ (Dr.Papa Salif Sow) เจ้าหน้าที่โครงการอาวุโสของทีมรณรงค์เชื้อเอชไอวี (HIV) ของมูลนิธิกล่าวว่า การออกแบบถุงยางอนามัยใหม่ที่สามารถขจัดความไม่สะดวกในการใช้งาน ความเงอะงะ หรือการเสียสัมผัสอันพึงใจได้นั้น จะเป็นอาวุธอันทรงพลังในการต่อสู้กับความยากจน
ส่วน ดร.อาราวินด์ วิชยราฆวาน (Dr.Aravind Vijayaraghavan) ผู้เป็นหัวหน้าทีมนักวิจัยกล่าวว่า นับแต่ที่กราฟีนถูกเผยออกมา ผู้คนก็สงสัยว่าวัสดุดังกล่าวจะถูกนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้เมื่อไร ตอนนี้คนทั่วไปนึกถึงการใช้กราฟีนในหน้าจอโทรศัพท์มือถือ บรรจุภัณฑ์ห่ออาการ และเซนเซอร์ทางเคมี และหากโครงการนี้สำเร็จ เราก็จะได้วัสดุใช้งานประจำวันที่สัมผัสถึงชีวิตประจำวันของเราได้อย่างใกล้ชิดที่สุด
สำหรับสถาบันกราฟีนแห่งอังกฤษนั้น ตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ โดยได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาภูมิภาคยุโรป (European Regional Development Fund) เป็นเงินราว 1,000 ล้านบาท และตึกทำการ 5 ชั้นจะเปิดใช้งานในปี 2015 พร้อมการจ้างงานกว่า 100 ตำแหน่ง