ฝรั่งเศสเปิดแล็บทดสอบครีมกันแดดไม่ใช้คนทดลองในไทย

เปิดตัวห้องปฏิบัติการ ทดสอบครีมกันแดดไม่ใช้คนเป็นหนูทดลองในไทย ทั้งการวัดค่า SPF กันรังสี UVB และค่าการป้องกันรังสี UVA ด้านผู้เชี่ยวชาญฝรั่งเศสต้องใช้เวลากว่า 15 ปีกว่าเทคนิคทดสอบด้วยหลอดทดลองจะได้รับการยอมรับ ชี้ข้อดีไม่มีปัญหาเรื่องจริยธรรมและยังมีต้นทุนถูกกว่า

สถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย แนะนำห้องปฏิบัติการทดสอบการปกป้องการแสงแดด HelioScreen Asia ที่เกิดจากการร่วมทุนระหว่างบริษัท HelioScreen Cie จากฝรั่งเศส และบริษัท ไทยเคมิโกอินเตอร์คอร์เปอเรชัน จำกัด โดย ดร.โดมินิก ลุช (Dominique Lutz) ผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการทดสอบ HelioScreen Asia ในฝรั่งเศสได้เดินทางมาเมื่อเมืองไทยเพื่อบรรยายถึงเทคโนโลยีการทดสอบการปกป้องแสงแดดด้วยเทคโนโลยีทดสอบกับหลอดทดลอง (In Vitro)

เดิมทีการทดสอบผลิตภัณฑ์ป้องกันรังสียูวีจะทำการทดลองในคน (In Vivo) โดยฉายรังสียูวีลงบนผิวผู้รับการทดสอบทั้งทาผลิตภัณฑ์ป้องกันแดด และไม่ทาผลิตภัณฑ์ป้องกันแดด เพือเปรียบเทียบกัน แต่การทดลองดังกล่าวเริ่มกลายเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและเสี่ยงต่อปัญหาจริยธรรม จึงมีการทดสอบแบบไม่ใช้คน (In Vitro) ซึ่งจะใช้วิธีทาครีมบนแผ่นทดสอบ (substrate) และนำไปฉายรังสียูวี เพื่อวิเคราะห์ประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี

ดร.ลุซเป็นผู้หนึ่งที่พยายามผลักดันให้มีการทดสอบประสิทธิภาพครีมกันแดดด้วยการใช้แผ่นทดสอบที่เรียกว่าแผ่น PMA โดยเขาเคยทำงานร่วมกับสมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางยุโรป (Cosmetic Europe-Colipa) และแนะนำให้เปลี่ยนมาใช้วิธีดังกล่าว แต่ไม่มีใครสนใจ เขาจึงออกมาตั้งบริษัท HelioScreen เขาได้ร่วมกลุ่มนักวิจัยกับบริษัทเครื่องสำอางที่มีชื่อเสียงของยุโรป และพยายามทำให้บริษัทต่างๆ เชื่อมั่นในกระบวนการทดสอบดังกล่าวโดยใช้เวลาถึง 15 ปี






ในช่วงเริ่มต้นยังไม่มีใครเชื่อมั่นกระบวนการทดสอบดังกล่าว แต่ ดร.ลุซก็ได้สร้างห้องปฏิบัติการทดสอบสำหรับการวิเคราะห์ประสิทธิภาพการป้องกันแสงแดดแบบไม่ทดลองในคน จนกระทั่งสมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางยุโรป, องค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐาน (ISO) และองค์การอาหารและยาสหรัฐ กำหนดให้ใช้แผ่นทดสอบ PMA ของเขาทดสอบประสิทธิภาพของครีมกันแดด และเขายังบอกด้วยว่าแผ่นทดสอบของมีมาตรฐานในเรื่องความขรุขระที่สม่ำเสมอ ซึ่งทำให้ควบคุมตัวแปรในการทดสอบกับความยาวคลื่นของรังสียูวีย่านต่างๆ

แม้จะยอมรับว่าการทดสอบในคนกับการทดสอบด้วยแผ่นทดสอบจะเปรียบเทียบกันไม่ได้ แต่ ดร.ลุซกล่าวว่า การใช้แผ่นทดสอบก็มีข้อดีกว่าตรงที่ไม่ต้องเสี่งในเรื่องประเด็นละเอียดอ่อนและปัญหาจริยธรรม ขณะที่การทดสอบในการคนะมีค่าใช้จ่ายที่แพงกว่า เพราะต้องจ้างแพทย์ผิวหนังมาร่วมทดสอบด้วย และเหตุผลที่มาเปิดห้องปฏิบัติการในเมืองไทยเพราะแผ่นทดสอบกว่า 60% ของเขาส่งมาจำหน่ายในเอเชีย จึงเลือกเมืองไทยสร้างห้องปฏิบัติการอีกแห่งเพื่อขยายการจำหน่ายไปในอาเซียนและเอเชีย