เห็นตัวเลขที่ยังไม่ได้แปลงเป็นค่าเงินบาท ก็ได้แต่แอบอิจฉาประเทศพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐฯ ที่จะทุ่มเงินถึง 1.43 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับงบประมาณปีหน้า เพื่อการวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์ แล้วตัวเลขเยอะขนาดนี้เขาเอาไปใช้วิจัยในด้านใดบ้าง
จากรายงานของไลฟ์ไซน์เผยถึงงบประมาณปี 2014 ของสหรัฐฯ ที่ บารัค โอบามา (Barack Obama) ประธานาธิบดีสหรัฐเสนอเพื่อการวิจัยและพัฒนาในกิจการพลเรือน เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1.43 แสนล้านเหรียญ หรือคำนวณเป็นสกุลเงินไทยได้ 4.18 ล้านล้านบาท
งบที่ได้เพิ่มจากงบเมื่อปี 2012 อยู่ 9% และตัวเลขงบประมาณครั้งนี้ถูกนำไปเปรียบเทียบกับงบปีที่แล้ว เนื่องจากการจัดสรรงบปี 2013 ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ระหว่างที่มีการร่างงบประมาณของปีหน้า
งบวิจัยดังกล่าวมีเป้าหมายวิจัยครอบคลุมถึงการลงทุนด้านพลังงาน การสำรวจอวกาศ งานวิจัยพื้นฐาน และงานวิจัยในด้านการศึกษาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ ที่เรียกรวมว่า “สเต็ม” (STEM) รวมถึงความปลอดภัยทางไซเบอร์ และการสำรวจภูมิอากาศ
รายละเอียดของ 5 สาขาวิจัยที่เป็นเป้าหมายหลักของงบระมาณก้อนนี้มีดังนี้
1.สนับสนุนพลังงานแบบพึ่งพาตนเอง
ในงบวิจัยปี 2014 ของสหรัฐฯ นี้ สำนักงานวิทยาศาสตร์ ของกระทรวงพลังงานสหรัฐ ได้รับไป 1.46 แสนล้านบาท เพิ่มจากปี 2012 อยู่ 5.7% ซึ่งจะพุ่งเป้าไปที่การพัฒนาพลังงานสะอาด และการยกระดับอุตสาหกรรมการผลิต เพื่อสนับสนุนพลังงานที่พึ่งพาตนเอง ที่ต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ และปรับปรุงระบบนิวเคลียร์ให้ทันสมัยขึ้น
2.มุ่งหน้าสู่ดาวเคราะห์น้อยและดาวอังคาร
แม้ว่าสหรัฐฯ จะเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจ แต่การสำรวจอวกาศก็ยังคงเป็นภารกิจสำคัญสำหรับประธานาธิบดี ซึ่งองค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) ได้รับทุนวิจัยที่ถูกจัดสรรปันส่วนอย่างรอบคอบภายใต้เงินทุนที่มีเป้าประสงค์ชัดเจนเป็นเงินกว่า 5.18 แสนล้านบาท แม้ว่าจะน้อยว่าปี 2012 อยู่ 0.3% แต่ก็เยียวยาองค์กรอวกาศที่ประสบปัญหาทางการเงินได้
ชาร์ลส โบลเดน (Charles Bolden) ผู้อำนวยการนาซามองในมุมบวกว่า งบจากประธานาธิบดีนี้สร้างความมั่นใจได้ว่าสหรัฐจะยังเป็นผู้นำของโลกในด้านการสำรวจอวกาศ และการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ไปอีกหลายปี ด้วยการสร้างความก้าวหน้าด้านการบินอวกาศที่นำประโยชน์มาให้แก่ชาวอเมริกัน
ด้วยงบดังกล่าวนาซาวางแผนจะปรับโฉมความพยายามในการสำรวจอวกาศขององค์กรใหม่ ซึ่งจะสนับสนุนการขนส่งลูกเรือไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ (International Space Station) ตลอดจนปฏิบัติการส่งมนุษย์ไปเยือนดาวเคราะห์น้อยในปี 2025 และภารกิจส่งหุ่นยนต์และมนุษย์ไปดาวอังคารด้วย
ภายใต้งบใหม่นาซายังคงเดินหน้าส่งกล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์เวบบ์ (James Webb Space Telescope) ซึ่งเป็นกล้องโทรทรรศน์ที่จะรับช่วงต่อจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล (Hubble Space Telescope) อันเป็นตำนาน ในปี 2018 นี้
3.ผลักดันการศึกษาสเต็ม (STEM) และงานวิจัยสมอง
มูลนิธิวิทยาศาสตร์สหรัฐฯ (National Science Foundation) หรือ เอ็นเอสเอฟ (NSF) ซึ่งมีหน้าที่ให้ทุนงานวิจัยพื้นฐานและการศึกษาทั้งหมดในด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรม จะได้งบทั้งหมด 2.22 แสนล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2012 อยู่ 8%
ส่วนสถาบันสุขภาพสหรัฐฯ (National Institutes of Health) หรือ เอ็นไอเอช (NIH) องค์กรหนุนการวิจัยชีวการแพทย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้รับงบเพื่อการวิจัย 9 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.6% จากปี 2012
ในงบวิจัยด้านนี้โอบามาประกาศว่าจะสนับสนุนทุนวิจัยในการสร้างชุดข้อมูลอันซับซ้อนชุดใหญ่ที่เรียกว่า “บิ๊กดาตา” (big data) เพื่อการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ หรือ สเต็ม โดยเฉพาะการศึกษาของนักเรียน และการเริ่มต้นทำแผนที่สมองฉบับใหม่
การทำแผนที่สมองดังกล่าวเป็นภารกิจในโครงการวิจัยสมองด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีประสาทวิทยา (Brain Research through Advancing Innovative Neurotechnologies) หรือโครงการเบรน (BRAIN) ซึ่งเดิมคือโครงการแผนที่กิจกรรมสมอง (Brain Activity Map) หรือ แบม (BAM)
รายละเอียดของโครงการได้เผยแพร่ลงวารสารไซน์ (Science) เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา โดยในโครงการยังได้ขอเพิ่มขีดความสามารถด้วยการพัฒนาเครื่องมือเพื่อเฝ้าดูกิจกรรมของเซลล์ประสาทนับล้านได้ในเวลาเดียว โดยเป้าหมายสุดท้ายคือการทำความเข้าใจการทำงานของเครือข่ายในสมอง
4.พัฒนาความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้ดีขึ้น
ไลฟ์ไซน์ระบุว่า การพึ่งพาข้อมูลดิจิทัลและการสื่อสารดิจิทัลที่เพิ่มสูงขึ้น จึงไม่เป็นเรื่องหากงบประมาณใหม่จะทุ่มปที่การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยมีการของบเป็น 2.4 หมื่นล้านบาทเพื่อการวิจัยคามปลอดภัยไซเบอร์แก่เครือข่ายและกลุ่มวิจัยละพัฒนาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เพิ่มขึ้นจากปี 2012 อยู่ 4.4 พันล้านบาท
แพทริเซีย ฟอลโคน (Patricia Falcone) ผู้ช่วยผู้อำนวยการกิจการความปลอดภัยสหรัฐและนานาชาติ ประจำสำนักนโยบายวิทยาศาสตร์ของทำเนียบขาวกล่าวว่า การเพิ่มงบดังกล่าวสะท้อนถึงโอบามาได้ให้ความสำคัญต่อเรื่องความปลอดภัยด้านไซเบอร์ โดยทนวิจัยดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนการแก้ปัญหาความปลอดภัยทางด้านไซเบอร์ในปัจจุบันที่กำลังคุกคามสหรัฐ ธุรกิจและประชาชน
5.เพิ่มความเข้มข้นงานวิจัยสภาพอากาศและภูมิอากาศ
งบด้านการวิจัยและพัฒนานี้เดินหน้างานสำคัญด้านการเฝ้าระวังภูมิอากาศและการสร้างแบบจลองสภาพอากาศ ซึ่งองค์การสมุทรศาสตร์และบรรยากาศสหรัฐ (National Oceanic and Atmospheric Administration) หรือโนอา (NOAA) ของบไป 1.58 แสนล้านบาท โดยเป็นงบวิจัยและพัฒนา 2.14 หมื่นล้านบาท มากกว่าปี 2012. อยู่ 4.68 พันล้านบาท
สภาพอากาศสุดเลวร้ายอย่างพายุเฮอร์ริเคนแซนดี (Hurricane Sandy) แสดงถึงความจำเป็นที่สหรัฐต้องการการติดตามและพยากรณ์อากาศที่แม่นยำกว่านี้ และทุนวิจัยของโนอาก็จะพุ่งไปที่การสนับสนุนการออกแบบระบบดาวเทียมเพื่อใช้งานในเรื่องดังกล่าว นอกจากนี้โนอายังวางแผนที่จะขยายงานวิจัยด้านภูมิอากาศและโครงการสำรวจมหาสมุทรด้วย
