อย่างที่รับกันรู้ว่า มนุษย์อย่างพวกเราแตกต่างจากสัตว์โดยสิ้นเชิง แล้วอะไรที่ทำให้เราแตกต่างเมื่อเทียบกับสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรสัตว์ ไลฟ์ไซน์ดอทคอมได้นำเสนอไว้
- พูดได้
กล่องเสียงของมนุษย์อยู่ใต้คอหอยตำแหน่งต่ำกว่าของชิมแปนซี และเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่ช่วยให้มนุษย์พูดได้ ซึ่งกล่องเสียงมีพัฒนาการมา 350,000 ปีจากบรรพบุรุษของเรา
อีกทั้งเรายังมีกระดูกไฮออยด์ (hyoid bone) รูปร่างเหมือนเกือกม้าอยู่ในคอ นับเป็นกระดูกเพียงชิ้นเดียวที่ไม่มีข้อต่อกับกระดูกชิ้นอื่นๆ และกระดูกไฮออยด์นี้ช่วยค้ำจุนโคนลิ้นให้เราได้เปล่งถ้อยคำออกมา
- ร่างกายตั้งตรง
มนุษย์มีลักษณะพิเศษต่างจากพวกไพรเมท (สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีพัฒนาการสูง) ตรงที่สามารถเดินตัวตั้งตรงได้ โดยไม่ต้องใช้มือทั้ง 2 ข้างประคอง เพื่อถือเครื่องมืออื่นๆ
แต่น่าเสียดายที่การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวมีผลต่อกระดูกเชิงกราน และบวกกับขนาดสมองของมนุษย์แรกเกิด จึงเสี่ยงอันตรายในการให้กำเนิดมนุษย์ ต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ในอาณาจักรสัตว์
กว่าศตวรรษมาแล้ว ที่การให้กำเนิดทารกของมนุษย์ เป็นเหตุให้หญิงผู้ให้กำเนิดต้องเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก เพราะกระดูกสันหลังบริเวณเอวที่มีรูปโค้ง ซึ่งช่วยการทรงตัวในการยืนและเดิน แต่จุดเด่นข้อนนี้ก็กลายเป็นจุดอ่อนที่สร้างความเจ็บปวดตามมาในภายหลัง
- ล้อนจ้อนไร้ขนปกปิด
มนุษย์นี่แหละช่างเปลือยเปล่านัก เพราะถ้าเทียบปริมาณเส้นขนที่ร่างกายกับเอป (Ape ; สัตว์ตระกูลลิงไม่มีหางที่เป็นเสมือนญาติของมนุษย์) ในพื้นที่ 1 นิ้วของผิวหนัง จะพบว่ามีรูขุมขนมากพอๆ กับลิงเหล่านั้น ทว่าขนของมนุษย์บางกว่า สั้นกว่า และเบากว่านั่นเอง จึงดูเหมือนไร้ขนปกปคลุมร่างกาย
- ทำเสื้อผ้าปิดร่างกาย
เพราะขนที่เบาบาง มนุษย์เราเลยเป็นเหมือนลิงเอปที่เปลือยเปล่า จึงเกิดพัฒนาการทำเสื้อผ้าปกคลุมร่างกาย เพื่อให้ปลอดภัยจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ซึ่งการประดิษฐ์เสื้อผ้า ได้รับอิทธิพลจากสัตว์อื่นๆ โดยเฉพาะพวกแมลงที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
การพัฒนาดังกล่าว ก็เนื่องมาจากการต้องปรับตัวให้รอดจากสภาพแวดล้อม จึงทำให้มนุษย์เมื่อเติบโตขึ้นก็ไม่เคยชินกับการไว้ขนเหมือนกับสัตว์ต่างๆ แต่จะต้องสวมเสื้อผ้าตลอดเวลาแทน
- มือกลับข้าง
มนุษย์ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตชนิดเดียวที่มีหัวแม่มืออยู่ตรงข้ามกัน ไพรเมทส่วนใหญ่ก็เป็นเช่นนั้น (แต่พวกลิงแอปขนาดใหญ่ยังไม่พบนิ้วหัวแม่เท้าขนาดใหญ่)
ที่พิเศษกว่านั้นคือมนุษย์สามารถงอนิ้วลงมาที่ข้อนิ้วได้ ซึ่งทำให้เราสามารถหยิบจับสิ่งต่างๆ โดยเฉพาะเครื่องมือ อุปกรณ์ตั้งแต่อดีตเป็นต้นมา
- สมองที่สุดพิเศษ
แม้สมองของมนุษย์ไม่ได้ใหญ่ที่สุดในโลก แต่พัฒนาการช่างต่างจากสิ่งมีชีวิตทุกชนิดในโลกนี้ เรามีสมองเพียง 2.5% ของน้ำหนักตัว เมื่อสมองเติบโตเต็มที่มีน้ำหนักประมาณ 1.3 กิโลกรัม ซึ่งความสามารถในการใช้เหตุผล และค้นคิดต่างๆ เหนือสิ่งมีชีวิตอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด
- ก่อกองไฟ
มนุษย์มีความสามารถในการควบคุมไฟ และทำให้กลางคืนมีแสงสว่างเหมือนตอนกลางวัน ทำให้สังเกตเห็นสัตว์อื่นๆ ที่จะมาทำอันตรายในยามกลางคืน และสัตว์พวกนั้นก็ไม่กล้าเข้ามาใกล้
อีกทั้งเปลวไฟก็สร้างความอบอุ่นให้แก่มนุษย์ในช่วงอากาศหนาว ทำให้เราสามารถอยู่ในพื้นที่ที่หนาวเย็นได้ และแน่นอนว่าไฟยังช่วยประกอบอาหาร ซึ่งมีอิทธิพลสำคัญต่อการวิวัฒนาการ เพราะอาหารที่ปรุงแล้วเคี้ยวและย่อยง่าย จึงทำให้ฟันและกะเพาะของมนุษย์เล็กลง
- เด็กน้อยต้องประคบประหงมนาน
ในช่วงเวลาที่เป็นเด็ก มนุษย์ต้องได้รับการดูแลจากพ่อแม่ยาวนานกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เหตุผลก็เพราะว่า สมองขนาดใหญ่ของมนุษย์ มีระยะเวลาที่ต้องเติบโตและเรียนรู้ ดังนั้นในช่วงวัยเยาว์ก็ยังจำเป็นต้องอยู่ในการดูแลของพ่อแม่
ข้อแตกต่างที่ทำให้เราไม่เหมือนสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เป็นทั้งจุดอ่อนและจุดแข็ง เชื่อแน่ว่า พัฒนาการต่างๆ ยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ ด้วยสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป มนุษย์ยุคหน้าอาจจะไม่เหมือนมนุษย์ยุคนี้ก็เป็นได้