ปีนี้ “เทศกาลหนังวิทย์” จะทำให้ผู้ชม “อิน” ได้มากกว่าทุกปี เพราะเป็นอีกเทศกาลที่ได้รับผลพวงจาก “น้ำท่วม” จนต้องเลื่อนการจัดงานข้ามปี โดยแนวของการจัดเทศกาลอิงกับ “ปีสากลแห่งป่า” เมื่อปี 2554 ตามประกาศยูเอ็น ซึ่งครั้งนี้มีภาพยนตร์ 26 เรื่องจาก 6 ประเทศที่รับคัดเลือกให้ฉายในเทศกาล และประเทศเพื่อนบ้านอย่างเขมร เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์จะได้ชมภาพยนตร์ชุดเดียวกันนี้
“เทศกาลภาพยนตร์วิทยาศาสตร์เพื่อการเรียนรู้” (Science Film Festival) จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 แล้ว ซึ่งเดิมกำหนดการจัดเทศกาลครั้งนี้คือช่วงเดือน พ.ย.54 แต่เนื่องจากเกิดน้ำท่วมใหญ่ในหลายจังหวัดของภาคกลาง ทำให้การจัดงานต้องเลื่อนออกมาเป็น 18-31 ม.ค.55 ซึ่งทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV - ผู้จัดการออนไลน์ได้ร่วมในพิธีเปิดเทศกาลเมื่อ 17 ม.ค.55 ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร พร้อมชมภาพยนตร์เปิดเทศกาลเรื่อง “ป่าและคน” (Of Forest and Men) โดย ญาณ อาร์ตุส แบร์ทร็อง (Yaan Arthus-Bertrand) ช่างภาพชาวฝรั่งเศสผู้ก่อตั้งมูลนิธิ Good Planet ซึ่งสร้างขึ้นในโอกาสที่องค์การสหประชาชาติประกาศให้ปี 2554 เป็น “ปีสากลแห่งป่าไม้”
ดร.พรพรรณ ไวทยางกูร ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ตัวแทนจากหน่วยงานที่ริเริ่มและดำเนินการจัดเทศกาลภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ กล่าวกับทีมข่าววิทยาศาสตร์ฯ หลังชมภาพยนตร์จบว่า ป่านั้นเชื่อมโยงหลายเรื่อง ทั้งการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นแหล่งอาหาร เป็นแหล่งยารักษาโรค ช่วยอุ้มน้ำ แต่ปัจจุบันการปลูกป่าทดแทนนั้นไม่ทันต่อการทำลายป่าอย่างที่เราทำอยู่ โดยเราใช้ประโยชน์จากป่ามากกว่าเพิ่มพื้นที่ป่า ซึ่งตัวอย่างที่ไม่ไกลคืออุทกภัยที่ผ่านมา เนื่องจากไม่มีป่าช่วยอุ้มน้ำไว้ และหากนักเรียนได้ชมภาพยนตร์ก็จะเห็นภาพได้ชัดเจน
“7 ปีที่ผ่านมาบรรยากาศของการจัดเทศกาลดีขึ้นเรื่อยๆ จากที่มีคนนิยมมาร่วมเทศกาลมากขึ้น เทศกาลครั้งก่อนมีกัมพูชา อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ร่วมจัดไปกับเรา ปีนี้มีมาเลเซียและเวียดนามเพิ่มขึ้นมา ครั้งนี้มีภาพยนตร์ 26 เรื่องดีๆ จาก 6 ประเทศ อาทิ ออสเตรีย เยอรมนี และฝรั่งเศส เป็นต้น โดยเฉพาะฝรั่งเศสถือเป็นเจ้าแห่งภาพยนตร์วิทยาศาสตร์เลย แต่ยังไม่มีภาพยนตร์ที่ผลิตโดยคนไทยจริงๆ ซึ่งเทศกาลนี้จะเป็นตัวกระตุ้นให้คนหันมาทำมากขึ้น” ดร.พรพรรณกล่าว
ทางด้าน ดร.นอร์แบร์ท ชปิทซ์ (Dr.Norbert Spitz) ผู้อำนวยการสถาบันเกอเธ่ ประเทศไทย ตัวแทนอีกหน่วยงานที่ริเริ่มและจัดเทศกาลภาพยนตร์วิทยาศาสตร์กล่าวว่า เทศกาลนี้จะกระตุ้นให้เยาวชนมีความสงสัยใคร่รู้ และสนุกไปกับเรื่องราวว่ากลไกต่างๆ ของโลกนั้นทำงานอย่างไร และเราต่างรู้ว่าปัญหาเรื่องการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศนั้นจะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และเป็นปัญหาใหญ่ ซึ่งเราจะเป็นต้องฝึกให้เยาวชนคิดอย่างเป็นวิทยาศาสตร์เพื่อรับมือกับปัญหานี้ และเทศกาลนี้จะทำให้เยาวชนได้เรียนรู้ว่าการศึกษาก็เป็นเรื่องที่สนุกได้
สำหรับเทศกาลภาพยนตร์วิทยาศาสตร์นี้ได้รับการประกาศจากผู้จัดว่าเป็นเทศกาลภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเริ่มจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2547 ด้วยความร่วมมือระหว่าง สสวท., เกอเธ่ และสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศส ประจำประเทศไทย ซึ่งในการจัดนิทรรศการเมื่อปี 2553 มีผู้เข้าชมภาพยนตร์ในเทศกาลกว่า 88,000 คน
ภาพยนตร์ที่ฉายในเทศกาลแบ่งเป็น 4 ประเภท คือ 1.สาระบันเทิง อาทิ “7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก” รายการโทรทัศน์เพื่อการเรียนรู้สำหรับเด็ก โดยนำตอนความมหัศจรรย์ของน้ำพุไกเซอร์ (geysers) ในไอซ์แลนด์ “นักโบราณคดีเกี่ยวกับสัตว์” ที่แสดงให้เห็นว่านักวิทยาศาสตร์สามารถรวบรวมร่องรอยประวัติศาสตร์เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างสัตว์กับมนุษย์ได้อย่างไร เป็นต้น 2.ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อาทิ “ตำนานป่าและอาณาจักรเงา”, “ไม่มีปะการังก็ไม่มีมัลดีฟส์ เป็นต้น 3.วิทยาศาสตร์ทั่วไป การแพทย์และเทคโนโลยี อาทิ “มรดกสัตว์โลกในตัวคุณ” ที่อธิบายว่ามนุษย์พัฒนาจากสัตว์เซลล์เดียวสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมได้อย่างไร และ 4 วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ เช่น “พิทักษ์ป่าบนเกาะปาปัวนิวกิเนีย” และ “เลอาตามรอยกอริลลานักสำรวจรุ่นจิ๋วในแอฟริกา” เป็นต้น
หน่วยงานที่ร่วมจัดฉายภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ ได้แก่ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา (ท้องฟ้าจำลอง), อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย, หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) ศาลายา จ.นครปฐม, องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.). จัตุรัสวิทยาศาสตร์ อพวช.จามจุรี สแควร์, อุทยานการเรียนรู้ทีเค ปาร์ค,อุทยานการเรียนรู้ เมืองนครศรีธรรมราช และโรงภาพยนตร์เอสพลานาด ซีนีเพลกซ์ งามวงศ์วาน แคราย
สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมติดตามได้ที่ www3.ipst.ac.th/sciencefilm หรือ http://www.goethe.de.sciencefilmfestival โทร. 0-2712-3758 9 ต่อ 1245, 1249
คลิปภาพยนตร์ “ป่าและคน” ฉลองปีสากลแห่งป่าไม้ โดย ญาณ อาร์ตุส แบร์ทร็อง
