ประกวดนวัตกรรมข้าวไทยปี 5 เน้นผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพพัฒนาสู่เชิงพาณิชย์ หวังยกระดับสู่ “ยุคเกษตรสร้างสรรค์” มุ่งสร้างรายให้ประเทศ ยกตัวอย่างข้าวกิโลละ 30 บาท อาจเพิ่มมูลค่าเป็น 300-3,000 บาท หากแปรรูปเป็นอาหารหรือเครื่องสำอาง สนใจส่งผลงานประกวดถึง 30 มิ.ย.
ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ประธานมูลนิธิข้าวไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า การประกวดรางวัลนวัตกรรมข้าวไทยได้ดำเนินต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 แล้ว โดยมุ่งเน้นคัดเลือกนวัตกรรมผลิตภัณฑ์นวัตกรรมข้าวไทย รวมทั้งกระบวนการผลิตที่มีศักยภาพในการพัฒนาสู่เชิงพาณิชย์ เพื่อยกระดับนวัตกรรมอุตสาหกรรมข้าว ด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมข้าวของประเทศไทย
“ถือเป็นการนำความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมาประยุกต์ใช้กับผลผลิตทางการเกษตร จนทำให้ผลิตภัณฑ์มีความเป็นเอกลักษณ์ ทั้งในรูปของผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิต จนสร้างความแตกต่างในตลาดการแข่งขัน เพื่อทำให้เกิดเป็น “เกษตรสร้างสรรค์” นอกจากเป็นการยกระดับเกษตรกรไทยแล้ว ยังสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศได้อีกทางด้วย” ประธานมูลนิธิข้าวไทยฯ กล่าว
ด้าน ดร.ขวัญใจ โกเมศ เลขาธิการมูลนิธิข้าวไทยฯ บอกว่า เกษตรสร้างสรรค์คือการนำผลผลิตเกษตรมาแปรรูป สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เให้เกิดมูลค่าเพิ่ม และต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ได้ พร้อมยกตัวอย่างให้ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ฟังอีกว่า ข้าวสารจำนวน 1 กิโลกรัม มีมูลค่าเพียง 30 บาท แต่หากนำมาต่อยอด สร้างมูลค่าเพิ่มโดยการแปรรูปเป็นสินค้าต่างขึ้นมาใหม่ ทั้งในรูปแบบของอาหาร เครื่องสำอาง มูลค่าอาจจะเป็น 300 หรือ 3,000 ได้
ดร.สุเมธ กล่าวว่า ช่องทางการตลาดของผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าว มีโอกาสขยายตัวสูง โดยเฉพาะในกลุ่มของเส้นหมี่ เส้นก๋วยเตี๋ยว ขนมปังกรอบ แป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียว ซึ่งในปี 2553 มีปริมาณการส่งออก 220,000 ตัน มูลค่าการส่งออกถึง 8,250 ล้านบาท
ส่วน ดร.ศุภชัย หล่อโลหการ ผอ.สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เผยว่า ปัจจุบันช่องทางการตลาดของผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าวมีโอกาสขยายตัวสูง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าว ในกลุ่มของอาหารสุขภาพ (functional food) กลุ่มอาหารเพื่อความสะดวกสบาย (ready & easy) และกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและยา (health care) สนช.จึงได้สนับสนุนผู้ประกอบการไทยที่ทำนวัตกรรมจากข้าวไปแล้ว 24 โครงการ รวมมูลค่าการสนับสนุน 20 ล้านบาท
สำหรับในปี 2554 ได้แบ่งประเภทผลงานเป็น 2 ประเภท คือ 1. กลุ่มอุตสาหกรรม คือผู้เสนอผลงานมาจากโรงงาน บริษัท ห้างร้าน ที่มีการจดทะเบียนนิติบุคคล องค์กรภาครับระดับชาติ หรือสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษา 2.กลุ่มรัฐวิสาหกิจชุมชน โดยลักษณะของผลงานที่ส่งเข้าประกวดนั้นจะต้องมีลักษณะดังนี้
1. ผลิตภัณฑ์ประเภทนวัตกรรมที่สร้างมูลค่าเพิ่มจากส่วนต่างๆ ของข้าว อาทิ ข้าวเปลือก ข้าวกล้อง ข้าวสาร ปลายข้าวหรือข้าวหัก แป้งข้าว แกลบ รำข้าว ฟางข้าว ฯลฯ
2. กระบวนการผลิตที่เป็นนวัตกรรมเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ข้าวไทย
3.ผลิตภัณฑ์ประเภทอาหารต้องอยู่ในบรรจุภัณฑ์และสามารถเก็บรักษาได้
4.ผลงานต้องไม่เคยได้รับรางวัลระดับชาติ
สำหรับเกณฑ์การตัดสิน ดร.ศุภชัยระบุว่า คณะกรรมการจะพิจารณาจากความเป็นนวัตกรรม สร้างมูลค่าเพิ่มแก่ข้าวไทย มีศักยภาพในการพัฒนาสู่เชิงพาณิชย์ และผลประโยชน์ที่ได้รับทางสังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม และจะจัดพิธีมอบรางวัล ในวันที่ 5 ตุลาคม 2554 ซึ่งตรงกับ “วันนวัตกรรมแห่งชาติ” โดยผลงานที่ได้รับรางวัล จะได้รางวัลดังนี้
รางวัลที่ 1 เงินสด 30,000 บาท พร้อมโล่พระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
รางวัลที่ 2 เงินสด 20,000 บาท
รางวัลที่ 3 เงินสด 10,000 บาท
รางวัลชมเชย 2 รางวัล เงินสดรางวัลละ 5,000 บาท
ผู้สนใจสามารถส่งผลงาน ได้ที่มูลนิธิข้าวไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ อาคารวิจัยและพัฒนา ชั้น 3 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน โทรศัพท์ 02-942-7620-1, 02-942-7626 โทรสาร 02-942-7621 หรือดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ www.thairice.org ได้ตั้งวันนี้- 30 มิ.ย.54