xs
xsm
sm
md
lg

"นาซา" ให้เลือก "มาร์ค เคลลี" จะตัดใจไปอวกาศหรือเฝ้าภรรยาสภาพโคมา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สีหน้าของมาร์ค เคลลี ระหว่างแถลงข่าวกลับไปปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้บังคับการบินให้กระสวยอวกาศเอนเดฟเวอร์ต่อ (รอยเตอร์)
ช่างเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากเสียจริง สำหรับนักบินอวกาศของนาซา “มาร์ค เคลลี” ผู้ต้องเลือกว่า จะเดินทางไปกับเที่ยวบินสุดท้ายของกระสวยอวกาศเอนเดฟเวอร์ หรือจะอยู่ดูแลภรรยาผู้เป็น ส.ส.ของพรรคเดโมแครต ที่ถูกมือปืนกราดยิง จนอยู่ในอาการโคมาตั้งแต่เดือนก่อน

หากมาร์ค เคลลี (Mark Kelly) นักบินอวกาศขององค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) เลือกทำหน้าที่ผู้บังคับการให้แก่กระสวยอวกาศเอนเดฟเวอร์ (Endeavour) ที่มีกำหนดทะยานสู่ท้องฟ้าในเดือน เม.ย. 2011 นี้ นั่นหมายความว่า ภรรยาของเขาคือ นางกาเบรียล กิฟฟอร์ดส์ (Gabrielle Giffords) ส.ส.พรรคเดโมแครตของสหรัฐฯ ต้องฟื้นฟูสภาพร่างกายเพียงลำพังหลายสัปดาห์

กิฟฟอร์ดสถูกมือปืนจ่อยิงที่ศีรษะในระยะประชิดระหว่างการปราศรัยเมื่อเดือนที่ผ่านมา และในเหตุการณ์เดียวกันมือปืนยังกราดยิงผู้คนรอบข้าง จนมีเด็กหญิงวัย 9 ขวบเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว สำหรับสภาพร่างกายของ ส.ส.หญิงตอนนี้ทางเอพีระบุว่า เธอเคลื่อนไหวร่างกายซีกขวาได้ลำบาก และยังไม่มีใครยืนยันว่าเธอจะพูดได้

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เคลลีทวีตข้อความว่า “วันนี้เป็นวันสำคัญของจีจี เธอมีพัฒนาที่ก้าวหน้าหลายอย่าง”

การตัดสินใจเดินทางไปกับกระสวยอวกาศที่มีความเสี่ยง ในช่วงที่ภรรยากำลังอยู่ในช่วงพักฟื้นนั้นอาจฟังดูเป็นเรื่องน่าใจหาย แต่ผู้ที่รู้จักทั้งคู่โดยเฉพาะแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านการฟื้นฟูสภาพร่างกายกล่าวว่า เป็นการตัดสินใจส่วนบุคคล และเป็นเรื่องของคู่รักที่มีอาชีพการงานสูง

ดร.ลอแอนน์ บริเซนไดน์ (Dr.Louann Brizendine) จิตแพทย์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียในซานฟรานซิสโก (University of California at San Francisco) ผู้แต่งหนังสือ “สมองชาย” (The Male Brain) และ “สมองหญิง” (The Female Brain) ให้ความเห็นว่า เคลลีคงไม่ยอมพลาดทั้งสองอย่าง

หากเขาตัดสินใจเดินทางไปกับกระสวยอวกาศ ดร.บริเซนไดน์กล่าวว่า ประชาชนก็จะเข้าใจได้ว่า นั่นเป็นโอกาสสำคัญเพียงครั้งเดียวสำหรับเขา และเป็นสิ่งที่ได้รับการฝึกฝนให้มารับภารกิจนี้ และเขาจะไปปฏิบัติหน้าที่ก็ต่อเมื่อเขารู้ว่าภรรยาได้รับการดูแลเป็นอย่างดี และเธอยังให้ความเห็นอีกว่า นักบินอวกาศผู้นี้จะไม่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างร้ายแรงหากเขาตัดสินไป อีกแง่หนึ่ง หากเคลลีตัดสินใจที่จะอยู่กับภรรยา เขาก็จะได้รับการชื่นชมและสรรเสริญที่อยู่เคียงข้างภรรยา

มีงานวิจัยที่เชื่อว่าเครือข่ายสนับสนุนทางสังคมที่เข้มแข็ง ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อน โบสถ์หรืออะไรทำนองนี้ เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยฟื้นฟูผู้ป่วยและยังช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นด้วย แต่ถึงอย่างนั้น ดร.เดวิด ลาเซย์ (Dr.David Lacey) ผู้อำนวยการหน่วยบริการทางการแพทย์เพื่อฟื้นฟูผู้ป่วยอาการหนักของศูนย์การแพทย์แบพติสต์มหาวิทยาลัยเวคฟอร์เรสต์ (Wake Forest University Baptist Medical Center) ในนอร์ธคาโรไลนาชี้แจงว่า ไม่ได้หมายถึงคู่สามภรรยาต้องอยู่ด้วยกันตลอด 24 ชั่วโมง

ดร.ลาเซย์กล่าวว่า เราต้องดูว่าวิถีชีวิตของคู่รักเป็นอย่างไร หากคนไข้ของเขาไม่เคยแยกจากันเลยตลอดชีวิตแต่งงาน 50 ปี การเปลี่ยนแปลงอย่างทันทีทันใดย่อมส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อคู่รักนั้น แต่วิถีชีวิตของคู่เคลลีและกิฟฟอร์ดสนั้น ในชีวิตแต่งงาน 3 ปีของพวกเขา ทั้งคู่ใช้ชีวิตแยกจากกันเป็นเวลาหลายสัปดาห์ เคลลีอยู่ในฮุสตัน ส่วนิฟฟอร์ดส์อยู่ในวอชิงตันหรือบ้านของเธอในแอริโซนา

อย่างไรก็ดี เคลลีวัย 46 ปีก็อยู่เฝ้าไข้กิฟฟอร์ดสมาตลอดนับแต่เธอถูกยิงเมื่อวันที่ 8 ม.ค.2011 ที่เมืองทูซอน หน้าซูเปอร์มาร์เก็ต และมีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตอีก 6 คน บาดเจ็บอีก 13 คน แต่ตอนนี้กิฟฟอร์ดสในวัย 40 ปีน่าจะอยู่ในระยะที่มีความเสี่ยงเพียงเล็กน้อยที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อน

คำแนะนำของ ดร.ลาเซย์คือ เคลลีต้องค้นลึกลงไปในความรู้สึกตัวเองว่าจะรู้สึกอย่างไรในอีก 5 ปี 10 ปี 20 ปีจากนี้ เพราะเธอยังมีชีวิตต่อไปจากนี้ ไม่ว่าสุขภาพของเธอจะออกมาเป็นอย่างไร จะเป็นบวกหรือเป็นลบ เขาก็จะอยู่กับความรู้สึกนั้นไปอีกนาน และสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างที่เขาใช้เวลา 2-4 สัปดาห์เพื่อฝึกซ้อมและเดินทางไปกับเที่ยวบินอวกาศนั้นอาจไม่มีความหมายอะไรเลยก็ได้ ซึ่งล้วนเป็นไปได้ทั้งนั้น

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าเป้าหมายที่สุดของการฟื้นฟูสมรรถภาพคือ เพื่อให้คนไข้และครอบครัวได้กลับไปใช้ชีวิตที่ใกล้เคียงปกติมากที่สุด

ผู้ที่รู้จักเคลลีมากที่สุดอย่างแฝดผู้พี่ของเขาคือสก็อตต์ (Scott) ผู้บังคับการประจำสถานีอวกาศนานาชาติ ให้ความเห็นลงมาจากวงโคจรว่า มาร์คเป็นคนที่มีเหตุผล เป็นคนรู้จักคิดที่จะชั่งน้ำหนักทุกการตัดสินใจ และเมื่อมาร์คตัดสินที่จะบินแล้ว ทางผู้จัดการของนาซาต้องหยุดให้ความเห็นด้วย เขาย้ำว่าน้องชายแฝดของเขาตัดสินใจที่จะกลับไปฝึกซ้อมเพื่อเที่ยวบินสู่สถานีอวกาศของยานเอนเดฟเวอร์

“หากเขาตัดสินใจแล้ว และผู้จัดการนาซาเลือกให้เขาปฏิบัติภารกิจนี้ ผมมั่นใจ 100% ว่า เขาจะรับผิดชอบหน้าที่ได้อย่างไม่มีปัญหาราวกรณีเหตุการณ์สะเทือนขวัญนี้ไม่เคยเกิดขึ้น” สก็อตต์ให้ความเห็นกับเอพี และบอกด้วยว่าประสบการณ์ในการเป็นนักบินให้แก่กองทัพของพวกเขาช่วยให้พวกเขาแยกแยะได้ระหว่างชีวิตส่วนตัวและงาน

เอพีระบุว่า เหตุให้นักบินอวกาศนาซาถอนตัวจากภารกิจนี้มีไม่บ่อยนัก แต่เหตุการณ์ใกล้เคียงกันนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 1997 เมื่อ เจฟฟรีย์ แอชบีย์ (Jeffrey Ashby) นักบินกระสวยอวกาศถอนตัวก่อนภารกิจเที่ยวบินอวกาศเที่ยวแรกของตัวเองเพียง 4 เดือน เพื่อไปดูแลภรรยาที่เป็นมะเร็งผิวหนัง และเธอได้เสียชีวิตลงหลังจากเขาถอนตัวได้ 2 เดือน แต่เขาก็กลับมาบินให้นาซา 3 ครั้งก่อนที่ลาออกจากนาซา สำหรับเหตุการณ์ของเคลลี เขาเองก็ได้แสดงความเห็นอกเห็นใจ

"การตัดสินใจของพวกเขา เป็นเรื่องซับซ้อนและเป็นเรื่องส่วนตัว ผมไม่สงสัยเลยว่าเพื่อนของผม ทั้งมาร์คและแก็บบีจะตัดสินใจได้ถูกต้องเพื่อครอบครัวของพวกเขาและเพื่อนาซา” แอชบีย์ให้ความเห็นแก่เอพีผ่านทางอีเมล

นาซาวางแผนส่งกระสวยอวกาศเอนเดฟเวอร์วันที่ 19 เม.ย.นี้ และมีกำหนดส่งกระสวยดิสคัฟเวอรีในเดือน ก.พ.นี้ ซึ่งปี 2011 นี้จะเป็นปีสิ้นสุดการส่งกระสวยอวกาศของนาซา ในกรณีของเคลลีทางนาซาได้เตรียมผู้บังคับการสำรองไว้คือ ริค สตอร์คโคว์ (Rick Sturckow) เพื่อขึ้นไปปฏิบัติภารกิจ 2 สัปดาห์บนสถานีอวกาศ ซึ่งนักบินอวกาศสำรองผู้นี้ได้เข้าร่วมการฝึกสำหรับลูกเรืออวกาศแล้วเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน

พี่ชายฝาแฝดบอกว่าเคลลีตัดสินใจอยู่ที่ฮุสตันเพื่ออยู่ใกล้บ้านและได้ดูแลภรรยาซึ่งอยู่ระหว่างพักฟื้นในโรงพยาบาล อีกทั้งยังอยู่ใกล้ศูนย์การบินอวกาศจอห์นสัน (Johnson Space Center) ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของเขา เขาให้ความสำคัญทั้งการดูแลภรรยา แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็ยังกลับไปทำงานด้วย ด้านเคลลีเองให้ความเห็นว่าเขาอยากตัดสินใจครั้งนี้ร่วมกับภรรยาหากเป็นไปได้

ด้าน ซูซาน สติล กิลเรน (Susan Still Kilrain) นักบินอวกาศหญิงชาวอเมริกันคนที่ 2 ที่ได้ประจำตำแหน่งนักบินในกระสวยอวกาศของนาซาให้ความเห็นว่า หากทำได้กิฟฟอร์ดส์คงอยากให้เคลลีไปบินมากกว่า ทั้งนี้ เมื่อปี 1997 กิลเรน เมื่อออกบินแล้วเธอก็อยู่เป็นโสด โดยเธอยังย้อนถึงเหตุการณ์ที่ไดอานา (Diana) ภรรยาของแอชบีย์แย้งให้เขายังคงปฏิบัติภารกิจในการฝึกต่อไปโดยไม่ต้องใส่ใจกับโรคมะเร็งของเธอ

“เธออยากให้เขาเลิกนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ และรอคอยความตายของเธอ ภรรยาทุกคนก็รู้สึกอย่างเดียวกันนี่แหละ และยิ่งภรรยาของเขา (กิฟฟอร์ดส์) ก็ดูเหมือนจะสนับสนุนเป็นอย่างยิ่ง” กิลเรนให้ความเห็น เธอชี้ว่าผู้หญิงนั้นมีแนวโน้มที่เป็นผู้ให้ ดูแลใส่ใจ อย่างตัวกิลเรนเอง ก็ยังหยุดภารกิจเที่ยวบินอวกาศหลังจากเธอได้ให้กำเนิดลูกคนแรก และได้ลาออกจากนาซาเมื่อปี 2002 และปัจจุบันเธออาศัยอยู่บ้านแม่พร้อมลูกๆ อีก 4 คนอายุ 4-11 ขวบ

“การตัดสินใจของฉันนะรึ? ฉันไม่บินแน่ๆ แต่ฉันก็เคารพในการตัดสินใจของเขาที่จะไปบิน” กิลเรนให้ความเห็นทางไกลมาจากบ้านของเธอในเวอร์จิเนีย
มาร์ค เคลลี และ ส.ส.กาเบรียล กิฟฟอร์ดส ผู้เป็นภรรยา (เอพี)
มาร์ค เคลลี ระหว่างแถลงข่าวตัดสินใจปฏิบัติภารกิจในเที่ยวบินเอนเดฟเวอร์ต่อ (รอยเตอร์)
กำลังโหลดความคิดเห็น