“เออร์เนสต์ แมคคูลลอช” ผู้ร่วมบุกเบิกสเต็มเซลล์ลาโลกแล้ว

“เออร์เนสต์ แมคคูลลอช” นักวิจัยชาวแคนาดาผู้ร่วมบุกเบิกพิสูจน์การมีอยู่จริงของสเต็มเซลล์เป็นทีมแรกเมื่อ 5 ทศวรรษก่อน ลาโลกแล้วด้วยวัย 84 ปี จากการเปิดเผยของเพื่อนร่วมงาน

เอเอฟพีรายงานว่า เออร์เนสต์ แมคคูลลอช (Ernest McCulloch) นักวิจัยชาวแคนาดาและเพื่อนร่วมงานของเขาคือ เจมส์ ทิลล์ (James Till) ได้ร่วมกันพัฒนาวิธีแรกที่จะจำแนกสเต็มเซลล์ในหนู และผลงานของพวกเขา ได้รับยกย่องให้เป็นการปฏิวัติวงการชีววิทยาของเซลล์ และการบำบัดโรคเรื้อรัง

หลายคนคาดว่า ทั้งคู่จะได้รับรางวัลโนเบลจากผลงานการค้นพบที่เป็นรากฐานองค์ความรู้ ซึ่งในปี 2009 พวกเขาได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัลโนเบลแต่พลาดไป แกทั้งแมคคูลอชก็ไม่มีสิทธิที่จะได้รับรางวัลโนเบลแล้ว เพราะรางวัลนี้จะไม่มอบให้แก่ผู้เสียชีวิตไปแล้ว

ทางมูลนิธิสเต็มเซลล์แคนาดา (Canadian Stem Cell Foundation) แถลงว่า นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกสามารถหาความเชื่อมโยงไปยังแมคคูลลอชได้เสมอ และทุกครั้งที่งานของนักวิทยาศาสตร์เหล่านั้นเดินหน้าไป ก็ล้วนมีอิทธิพลมาจากงานของแมคคูลอชนั่นเอง

แมคคูลลอชเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2011 ตามเวลาท้องถิ่น ห่างจากวันครบรอบ 50 ปีการค้นพบของเขาเพียงไม่กี่วัน แต่ทางมูลนิธิสเต็มเซลล์แคนาดาที่ออกมาแถลงเรื่องนี้ไม่ได้ระบุถึงสาเหตุของการเสียชีวิต

“ผมสัมผัสได้ถึงความรู้สึกสูญเสียอันใหญ่หลวง ดร.แมคคูลอชเป็นเพื่อนร่วมงานที่น่าเชื่อถือและมีความสร้างสรรค์ อีกทั้งยังเป็นเพื่อนที่คอยช่วยเหลือและเด็ดเดี่ยว” ทิลล์ผู้ร่วมบุกเบิกงานสเต็มเซลล์ร่วมกับ “บัน” (Bun) ฉายาของแมคคูลอชบอกแก่เอเอฟพีผ่านอีเมล

“นอกจากนี้เพื่อขยายรายละเอียดเกี่ยวกับการพัฒนาเซลล์เม็ดเลือด พวกเขา (แมคคูลลอชและทิลล์) ได้วางรากฐานแนวคิดเกี่ยวกับสเต็มเซลล์ และสร้างกรอบการทำงานซึ่งเป็นที่ศึกษาในทุกวันนี้” คำเชิดชูจากหอเกียรติยศการแพทย์แคนาดา ซึ่งแมคคูลอชได้รับการเสนอชื่อให้อยู่ในหอเกียรติยศเมื่อปี 2004

ทั้งนี้ งานของพวกเขาถูกนำไปต่อยอดในโครงการพัฒนาสเต็มเซลล์เพื่อประโยชน์ในการบำบัดรักษาโรค และเมื่อปี 2005 ทั้งคู่ได้รับรางวัลอัลเบิร์ต ลาสเกอร์อะวอร์ด (Albert Lasker Award) ด้านงานวิจัยพื้นฐานทางการแพทย์ ซึ่งมักเป็นรางวัลชิมลางก่อนที่จะรับรางวัลโนเบลต่อไป

แมคคูลอชเกิดในเมืองโทรอนโต แคนาดา เมื่อ 26 เม.ย.1926 และในชีวิตการทำงานเขายังเคยเป็นหัวหน้านักวิจัยที่สถาบันมะเร็งออนแทริโอ (Ontario Cancer Institute) และสถาบันวิทยาการการแพทย์ (Institute of Medical Science) ของมหาวิทยาลัยโทรอนโต (University of Toronto) นอกจากนี้เขายังเป็นสมาชิกของราชบัณฑิตแห่งลอนดอนด้วย