xs
xsm
sm
md
lg

การตัดและการไว้ผมในยุโรปสมัยกลาง

เผยแพร่:   โดย: สุทัศน์ ยกส้าน

กษัตริย์ Clovis แห่งอาณาจักร Merovia ประมาณ พ.ศ. 1024-1054
ในสมัยก่อนชายยุโรปที่มีผมยาวมักถือกันว่าเป็นคนที่มีความเป็นชายมาก เช่น Samson มีผมยาว ซึ่งแสดงความเป็นคนแข็งแรงและกล้าหาญ แต่บางครั้งก็แสดงความเป็นปราชญ์ผู้ฉลาดรอบรู้ด้วย ทั้งนี้เพราะคนในสมัยนั้นเชื่อว่า ศีรษะคืออวัยวะของร่างกายที่อยู่สูงสุด และสมองคือที่อยู่ของวิญญาณ ดังนั้นผมที่ศีรษะจึงเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงความสามารถทางปัญญาของคนคนนั้นให้ทุกคนเห็น โดยไม่จำเป็นต้องมีใครถาม แต่ถ้าร่างกายมีเส้นผมขึ้นตามตัว (ซึ่งเรียกว่าขน) มาก นั่นแสดงความเป็นสัตว์ซึ่งมีปัญญาต่ำกว่ามนุษย์ การตัดผมจึงทำให้คนในสมัยนั้นเชื่อว่าทำให้ร่างกายอ่อนแอ หรือคนนั้นต้องสูญเสียอำนาจ ด้วยเหตุนี้คนยุโรปยุคกลาง เวลาจะลงโทษแม่มด เขาจะกล้อนผมเธอก่อน เพื่อลดพลังเวทมนตร์ แต่สำหรับคนทั่วไป คนที่ถูกกล้อนผมแสดงความเป็นคนที่สังคมรังเกียจ ดูถูก และดูแคลนดังนักโทษในคุกปัจจุบันที่มักถูกตัดผมเกรียน ส่วนสังคมในประเทศที่นับถือศาสนาพุทธ ศีรษะที่ถูกโกนแสดงความเป็นนักพรต ผู้ทรงศีล และการอุทิศร่างกายให้พระธรรมคำสอน

องค์ฟาโรห์ของอาณาจักรอียิปต์โบราณนิยมกำจัดพระโลมาตามตัวโดยใช้มีดโกน เพราะสนใจเรื่องความสะอาด และความสบายเย็นกายเวลาประทับอยู่ในวัง แต่เวลาปรากฏตัวในที่สาธารณะ ฟาโรห์จะทรงสวมเคราปลอม ส่วนประชาชนที่มีฐานะดีก็นิยมใส่ผมปลอมที่อลังการ ประเพณีนี้ได้ถือปฏิบัติอย่างแพร่หลายถึงฝรั่งเศส โดยเฉพาะในพระราชวังของพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 มีการใส่และสวมผมปลอมกันแพร่หลาย

ประวัติศาสตร์แฟชั่นได้จารึกว่า สังคมยุโรปเริ่มนิยมใช้ผมปลอมตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 17 เพราะเชื่อว่าผมปลอมแสดงการมีฐานะ การมีฐานันดรศักดิ์สูงและมีเกียรติ ซึ่งนั่นก็คือเหตุผลที่ทำให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรของอังกฤษ เนติบัณฑิต และผู้พิพากษา ใส่ wig (ผมปลอม) เวลานั่งทำงานในศาลทำให้ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ในกรณีของสตรีที่ผมถูกปล่อยให้สยายนั่นแสดงว่า เธอกำลังสำนึกบาป เพราะตำนานในคริสต์ศาสนามีว่าเวลาผู้หญิงที่ทำบาปต้องการให้พระเยซูทรงยกโทษให้เธอ เธอจะนำน้ำตามาล้างพระบาทของพระเยซู แล้วเอาเส้นผมของเธอเช็ดพระบาทจนแห้ง

กระจุกผมปอยก็มีความสำคัญ เพราะคนยุโรปโบราณเชื่อว่า ถ้าไม่นำปอยผมไปถวายเทพธิดา Proserpine แห่งนรก ผู้เป็นมเหสีของยมบาล Pluto แล้ว พระนางจะไม่ทรงปล่อยวิญญาณคนที่กำลังจะตายให้ออกจากร่าง สำหรับคนมุสลิมเวลาโกนศีรษะ ก็นิยมทิ้งปอยผมไว้ตรงกลางกระหม่อม สำหรับให้ศาสดา Mohammed จับเพื่อใช้ดึงขึ้นสวรรค์เวลาคนนั้นตาย แต่ชาวอินเดียนแดงในอเมริกาเหนือ นิยมทิ้งกระจุกผมไว้กลางศีรษะเชลยเพื่อให้ผู้พิชิตจับ เวลาจะถลกหนังศีรษะศัตรู

ประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับความสำคัญของการตัดผมหรือไว้ผมยาวว่า ในคริสต์ศตวรรษที่ ๖ สมเด็จพระราชินี Cloitild แห่งอาณาจักร Morovia ทรงมีพระนัดดาหลายพระองค์ และเมื่อถึงเวลากำหนดตัวพระนัดดาให้ขึ้นครองราชย์ พระโอรสของพระนางได้ส่งเพชฌฆาตมาหา โดยถือกรรไกรในมือข้างหนึ่ง และดาบในมืออีกข้างหนึ่ง เพชฌฆาตทูลราชินีว่า ทรงประสงค์จะเห็นพระนัดดาถูกตัดพระเกศาสั้น หรือถูกฆ่า พระนาง Cloitild ทรงโศกเศร้ามาก จึงตรัสว่า ถ้าพระนัดดาองค์โปรดไม่ได้ขึ้นครองราชย์ พระนางก็ประสงค์จะให้สิ้นพระชนม์ยิ่งกว่าที่จะให้พระเกศาถูกตัด ดังนั้นจึงทรงเลือกให้พระนัดดาสิ้นพระชนม์ด้วยดาบเพชฌฆาต

สำหรับพระนัดดาองค์ที่สามนาม Chlodovald นั้นเมื่อหลุดรอดชีวิตมาได้ ได้ตัดพระเกศาสั้นด้วยกรรไกร แล้วออกบวช เรื่องนี้คงทำให้เรารู้สึกแปลกๆ ว่า เหตุใดพระราชินีจึงทรงยินยอมเสียพระนัดดายิ่งกว่าการให้พระนัดดาถูกตัดพระเกศา ทั้งนี้เพราะผู้คนในสมัยนั้น ถือว่าผมเป็นสิ่งสำคัญและศักดิ์สิทธิ์ ด้วยเหตุนี้กษัตริย์จึงทรงพระเกศายาวและคนผมสั้น คือคนธรรมดา ดังนั้นกษัตริย์ที่ทรงถูกตัดพระเกศา จึงเป็นกษัตริย์ที่ถูกถอดจากราชบัลลังก์ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าละอายมาก

มาถึงยุคปัจจุบัน ผมเป็นส่วนของร่างกายที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่าย เช่น ด้วยวิธีย้อม ดัด โกรก มัด ปล่อยหรือตัด เพราะผมมักขึ้นล้อมใบหน้า ดังนั้นทรงผมจึงใช้แสดงออกซึ่งความนึกคิด และจิตใจของผู้ไว้ผม เช่น ผู้ชายจะโกนผมเพื่อออกบวช เพราะต้องการให้ทุกคนรู้ว่าตน
ถึงเวลาจะหลุดพ้นจากโลกมนุษย์ไปสู่โลกธรรมแล้ว

ในยุโรป เช่น ไอร์แลนด์ ในสมัยก่อน คนที่มีผมสั้น คือ คนใช้ และทาส ในเยอรมนีคนผมยาว คือคนที่มีเสรีภาพและอิสรภาพ ในไอร์แลนด์ผมสีทองแสดงความเป็นกษัตริย์ ผมสีน้ำตาลและผมดำแสดงความเป็นหัวหน้าและวีรบุรุษ ดังนั้นการตัดผมสั้นจึงเปรียบเสมือนการถูกกฎหมายลงโทษ ในสมัยของกษัตริย์ Alfred แห่งอังกฤษ ชายใดที่ตัดเครา จะถูกปรับ 20 ชิลลิง เพราะเคราเป็นเครื่องหมายแสดงความเป็นชาย ดังนั้นการจับเครา หรือจับผมใครจึงเป็นมารยาทต้องห้ามที่ทุกคนต้องไม่ล่วงเกิน และเมื่อเคราใช้แยกความเป็นผู้ใหญ่ออกจากเด็ก ดังนั้นในประวัติศาสตร์ของอังกฤษจึงได้กล่าวถึงกษัตริย์ William ว่า ทรงไม่พอพระทัยที่ต้องทรงปกป้องแคว้น Normandy ในขณะที่พระเคราถูกโกนจนเกลี้ยง เพราะนั้นหมายความว่า พระองค์ทรงได้รับการมอบหมายให้ป้องกันประเทศในขณะที่ยังทรงพระเยาว์

ในสมัยโบราณผมทรงต่าง ๆ คือเครื่องหมายที่แสดงเอกลักษณ์ของชาติ เช่น ชนเผ่า Anglo Saxon จะไว้ผมแตกต่างจากพวก Norman ดังที่ปรากฏในผ้าทอ Bayeux ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ทหาร Norman โกนเคราเกลี้ยง แต่ทหาร Anglo Saxon มีหนวดยาว เป็นต้น

ในยุโรปเมื่อ 1280 ปีก่อน ชาวบ้านนิยมส่งบุตรชายไปถวายให้กษัตริย์ให้ทรงขริบพระเกศาเพื่อความเป็นสิริมงคล และผู้หญิงจะไว้ผมยาว ส่วนผู้ชายจะไว้ผมสั้น เช่นเดียวกับชาวโรมันที่มีฐานะสังคมสูง ซึ่งชอบไว้ผมสั้น แต่เมื่อถึงคริสต์ศตวรรษที่ 14 จักรพรรดิยุโรปทรงจะตัดพระเกศาสั้นหมด เพราะถือว่าผมยาว แสดงความเป็นผู้หญิง และคนป่าเถื่อน ส่วนสตรีที่ไว้ผมทรงประหลาด ๆ คือพวกโสเภณี

ในคริสต์ศตวรรษที่ 18 คนยุโรปที่มีเครา คือพวกที่มีอายุ มีคุณความดีและเป็นนักพรต ส่วนผู้ชายที่มีผมยาวคือพวกรักร่วมเพศ เพราะคนเหล่านี้ต้องการให้ดูคล้ายผู้หญิง และในพิธีศพ ผู้หญิงที่ร่ำไห้ จะโอดครวญแสดงอารมณ์เศร้าโดยการปล่อยผมยาว แล้วดึงทึ้งผม เพื่อให้คนรู้ว่ากำลังเสียใจ

ประวัติศาสตร์ได้จารึกว่า เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 1223 กษัตริย์สเปน ชื่อ Wamba ทรงหกล้มหมดสติที่ในวังที่เมือง Toledo ในสเปน บรรดาขุนนางคิดว่ากษัตริย์คงใกล้จะสิ้นพระชนม์ จึงขริบพระเกศา และแต่งพระองค์ในลักษณะนักบวชเพื่อเตรียมไปสวรรค์ พร้อมกับนิมนต์สาธุคุณ Julian แห่งเมือง Toledo มาสวด แต่พระองค์ทรงฟื้น และพบตนเองในสภาพนักบวชไปแล้ว เพราะกฎศาสนาระบุไว้ว่า ใครก็ตามที่บวชแล้วจะกลับมาทำงานทางโลกไม่ได้อีก ดังนั้น Wamba จึงต้องสละราชบัลลังก์ และด้วยเหตุผลเดียวกันนี้ เวลากษัตริย์ยุโรปถูกตัดพระเกศา พระองค์จะต้องคอยให้พระเกศางอกยาวเท่าเดิม จึงจะทรงสามารถกลับมายึดอำนาจได้

ดังนั้น ในโลกยุคกลาง ผู้ชายยุโรปจึงมีชีวิตอยู่ได้เพราะดาบ แต่อาจเสียชีวิตได้เพราะผมบนศีรษะ ครับ

คุณอ่านเพิ่มเติมเรื่องผมได้จาก Symbolic Meanings of Hair in the Middle Ages TRHS, Sixth Series 4 (1994), 43-60

สุทัศน์ ยกส้าน เมธีวิจัยอาวุโส สกว.
ผ้าทอ Bayeaux แสดง ทหาร Anglo-Saxon ไว้หนวด และทหาร Norman โกนหนวดเครา ประมาณ พ.ศ. 1500
David จับเครา Goliath ก่อนฆ่า
กำลังโหลดความคิดเห็น