พบแล้วนิ้วและฟันที่หายไปของ “กาลิเลโอ”

นิ้วและฟันของ “กาลิเลโอ” ที่ถูกแยกออกมาในช่วงการย้ายที่ฝังศพเมื่อ 95 ปีหลังการตาย และได้หายไปเป็นเวลาร่วม 100 ปี ถูกพบอีกครั้งหนึ่งระหว่างการประมูล และพิพิธภัณฑ์อิตาลีได้นำไปเก็บรักษาไว้

นิ้ว 3 นิ้ว ฟัน 1 ซี่ และกระดูกสันหลัง 1 ท่อนของกาลิเลโอ กาลิเลอิ (Galileo Galilei) ปราชญ์แห่งศตวรรษที่ 16 ถูกตัดออกจากร่างระหว่างพิธีย้ายหลุมศพจากที่ฝั่งร่างชั่วคราวไปยังโบสถ์ซานตาครูซบาซิลิกา (Santa Croce Basilica) ในเมืองฟลอเรนซ์ อิตาลี เมื่อปี ค.ศ.1737 หรือ 95 ปีหลังจากที่เขาเสียชีวิต โดยศพของเขาถูกฝังอยู่ตรงข้ามกับหลุมศพของไมเคิลแองเจลโล (Michelangelo) ศิลปินชื่อดังของอิตาลี

กระดูกสันหลังของกาลิเลโอถูกเก็บไว้ที่มหาวิทยาลัยปาดัว (University of Padua) ที่เขาเคยสอนอยู่หลายปี หากแต่นิ้วมือและฟันของเขาที่เก็บไว้อย่างดีในขวดโหลได้หายไปในปี 1905 และนำกลับมาได้เพียง 1 นิ้วซึ่งถูกเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ (Museum of the History of Science) ในฟลอเรนซ์ อิตาลี

ล่าสุดซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ส่วนที่เหลือถูกนำออกประมูลโดยไม่ทราบว่าเป็นชิ้นส่วนของกาลิเลโอ เนื่องจากแถบแสดงรายละเอียดได้หายไป และทางพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ในฟลอเรนซ์ซึ่งซื้อต่อจากผู้ประมูลมาได้จะนำชิ้นส่วนที่เพิ่งพบออกมาจัดแสดงในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่จะถึงนี้

เปาโล กัลลุซซี (Paolo Galluzzi) ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ดังกล่าว กล่าวว่าคำอธิบายเกี่ยวกับรูปพรรณและสัณฐานของทั้งสิ่งบรรจุและสิ่งที่ถูกบรรจุอยู่ภายใน ตรงกันกับขวดโหลที่มีนิ้วมือของกาลิเลโอบรรจุอยู่ทุกกระเบียดนิ้ว ซึ่งแม้ในคนสถานที่ประมูลจะทราบว่าสิ่งที่อยู่ภายในโหลนั้นคือนิ้วและฟัน แต่พวกเขาก็ไม่ทราบว่าเป็นชิ้นส่วนของใคร

ทั้งนี้ นิ้วโป้งและนิ้วกลางจากมือขวาของกาลิเลโอถูกเก็บไว้โดยขุนนางชาวอิตาลีผู้ชื่นชอบในตัวเขา และปิดผนึกไว้อย่างดี ชิ้นส่วนของนักวิทยาศาสตร์คนสำคัญถูกส่งต่อจากรุ่นสู่ แต่ระหว่างทางของกาลเวลาครอบครัวของขุนนางผู้นั้นก็ไม่ทราบว่าสิ่งที่ส่งต่อกันมานั้นคืออะไร เมื่อนิ้วมือและฟันของกาลิเลโอถูกนำออกมาประมูล นักสะสมที่ประมูลมาได้ก็ได้ติดต่อมายังพิพิธภัณฑ์และหน่วยงานวัฒนธรรมอื่นๆ ในเมืองฟลอเรนซ์

กาลิเลโอซึ่งเสียชีวิตลงในปี 1642 ได้ถูกลงโทษจากวาติกัน จากการที่เขากล่าวว่าโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ ขณะที่ช่วงเวลานั้นศาสนจักรได้สั่งสอนว่า โลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาล ผ่านมากว่า 300 ปี ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 พระสันตปาปาจอห์น ปอล ที่ 2 (Pope John Paul II) ได้กอบกู้ชื่อเสียงของเขาอีกครั้ง โดยออกมากล่าวว่าศาสนจักรได้ทำผิดพลาดไป

ร่างของกาลิเลโอถูกซ่อนไว้ในหอระฆัง เนื่องจากโบสถ์ปฏิเสธที่จะทำพิธีให้อย่างสมเกียรติ ก่อนที่จะถูกย้ายไปฝังที่โบสถ์ซานตาครูซบาซิลิกาในเมืองฟลอเรนซ์ โดยในช่วงชีวิตของเขาต้องตกอยู่ในภาวะกดดันและข้อกล่าวหาว่านอกรีตจากการสนับสนุนทฤษฎีของนิโคลัส โคเปอร์นิคัส (Nicolaus Copernicus) นักดาราศาสตร์โปแลนด์ ซึ่งขัดแย้งกับคำสอนตามพระคัมภีร์