"ดร.อานนท์" เผยสถานการณ์ที่ต้องจับตาในเขตทุ่งหญ้าทุนดรา หวั่นน้ำแข็งใต้ผืนดินละลายหมด ปลดปล่อยมีเทนมหาศาลสู่บรรยากาศ ทำภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงรุนแรงอย่างฉับพลัน อุณหภูมิสูงขึ้นได้ 10-20% ขณะที่สถานการณ์ปัจจุบันอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงไม่ถึง 1 องศาเซลเซียส
ผศ.ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการศูนย์จัดการความรู้ด้านการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้ความเห็นกับทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ว่า การพัฒนาเศรษฐกิจของไทยนั้น ยังไม่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พร้อมยกตัวอย่างการใส่สูทในห้องประชุม แล้วเปิดเครื่องปรับอากาศ พร้อมทั้งเผยถึงการทำงานกับชุมชนเพื่อการปรับตัวรับกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยได้ไปให้ความรู้แก่ชุมชนเล็กๆ ในจังหวัดร้อยเอ็ด กระบี่ แม่ฮ่องสอน
"อย่าง จ.กระบี่ ก็มีความต้องการที่อยากจะปลูกข้าว แต่คงวิถีชีวิตมุสลิม และการใช้ชีวิตชายฝั่ง เราก็ไปดูว่าจะทำอย่างไรให้เขาอยู่ได้อย่างเข้มแข็ง แนะวิธีปลูกข้าวอินทรีย์ หรือการทำให้เขาได้มีน้ำจืดใช้ เป็นการลงไปจัดการในภาพเล็ก แต่ในบางอย่างเราต้องเอาภาพใหญ่ลงไปภาพเล็กให้ได้ เช่น ชี้ให้เห็นว่าพื้นที่ตรงนั้นจะมีปริมาณน้ำฝนเท่าไหร่ มีภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง จริงๆ ชุมชนในอดีตก็มีวิถีชีวิตที่พัฒนาให้สอดคล้องกับภูมิอากาศ แต่ช่วง 20-30 ปีที่ผ่านมามีกระแสจากภายนอกที่เข้าไปทำให้เกิดการเปลี่ยน และการเปลี่ยนกลับมาให้เหมือนเดิมนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย" ผศ.ดร.อานนท์กล่าว
พร้อมกันนี้ ผศ.ดร.อานนท์ยังได้ให้ข้อมูลระหว่างเสวนา "วิกฤติโลก เมื่อขั้วโลกเหนือไม่เหลือน้ำแข็ง" เมื่อวันที่ 29 ต.ค.52 ณ อาคารสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (โยธี) ว่า มีสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกกำลังจับตาและเป็นกังวล นั่นคือแผ่นน้ำแข็งถาวร (permafrost) ในเขตทุ่งหญ้าทุนดราของแถบอาร์กติก ซึ่งเป็นน้ำแข็งอยู่ใต้ดิน ที่ช่วยกักเก็บก๊าซมีเทนจากการเน่าเปื่อยของซากสิ่งมีชีวิตในอดีตนั้น จะละลายและปลดปล่อยก๊าซมีเทนออก โดยก๊าซมีเทนมีความสามารถในการกักเก็บความร้อนได้มากกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 21 เท่า
ปัจจุบันมีข้อมูลที่ชี้ให้เห็นว่า แผ่นน้ำแข็งดังกล่าวเริ่มละลายแล้ว และมีก๊าซมีเทนอยู่ใต้ดินจริง หากก๊าซมีเทนทั้งหมดหลุดออกมา จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง โดยอุณหภูมิโลกอาจเพิ่มได้ถึง 10-20% อันจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่าฉับพลัน ขณะที่ปัจจุบันอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นไม่ถึง 1% จึงเป็นสิ่งที่ต้องจับตา แต่การเข้าไปก็บข้อมูลในเขตทุ่งหญ้าทุนดรานั้นทำได้ยาก เนื่องจากเป็นพื้นที่ไม่มีคนอาศัย และเข้าไปศึกษาได้ในช่วงฤดูร้อนเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น
"เดิมที่ทุ่งหญ้าทุนดรามีชั้นน้ำแข็งถาวรเป็นพื้นที่ 12 ล้านตารางเมตร แต่ตั้งแต่ปี 1900 มา พื้นที่น้ำแข็งหายไปแล้วเกือบ 20% เหลือเพียง 10 ล้านตารางเมตร และอีก 100 ปีข้างหน้า ถ้ามองโลกในแง่ร้าย มนุษยชาติไม่สามารถตกลงที่จะร่วมมือแก้ไขปัญหากันได้ น้ำแข็งถาวรจะแทบไม่เหลือเลย แต่มองโลกในแง่ดีหน่อย น้ำแข็งถาวรก็ยังคงอยู่ แต่เหลือเพียง 5 ล้านตารางเมตร" ผศ.ดร.อานนท์กล่าว
ส่วนความกังวลว่า น้ำแข็งขั้วโลกจะละลายหมดไปนั้น ผศ.ดร.อานนท์กล่าวว่าแนวโน้มของน้ำแข็งขั้วโลกจะลดลงจนหายไปในช่วงฤดูร้อนของซีกโลกประมาณเดือน ก.ย. แต่เมื่อถึงฤดูหนาวน้ำแข็งก็จะกลับมาใหม่อย่างรวดเร็ว ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้จะส่งผลกระทบต่อคนและสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในแถบอาร์กติกอย่างแน่นอน อีกทั้งน้ำแข็งถาวรหรือน้ำแข็งที่มีอายุมากกว่า 2 ปีขึ้นไปของขั้วโลกเหนือก็มีปริมาณลดลงอย่างชัดเจนด้วย