xs
xsm
sm
md
lg

ศาลกิมจิเคาะ “ฮวาง อู ซก” ผิดฐานยักยอกเงินวิจัย-ซื้อขายไข่ ให้รอลงอาญา 3 ปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ฮวาง อู ซก ถูกการตัดสินว่าผิดจริง และได้รับโทษจำคุก 2 ปี แต่ให้รอลงอาญาไว้ก่อน 3 ปี (ภาพเอพี)
ศาลตัดสิน “ฮวาง วู ซก” นักวิจัยสเต็มเซลล์แห่งเกาหลีใต้ ผู้สร้างงานวิจัยเท็จผิดจริง ฐานซื้อขายไข่มนุษย์อย่างผิดกฎหมาย และยักยอกเงินวิจัย ตัดสินจำคุก 2 ปี แต่ให้รอลงอาญาไว้ก่อน 3 ปี ส่วนกระทงหลักคือหลอกลวงเพื่อให้ได้ทุนวิจัย ยากจะพิสูจน์ ศาลให้ยกฟ้อง

ฮวาง วู ซก (Hwang Woo-suk) นักวิจัยสเต็มเซลล์ของเกาหลีใต้ ผู้เคยได้รับการเชิดชูให้เป็นฮีโร่ผู้สร้างความหวังแก่ผู้คน ในการเยียวยาโรคที่ไม่อาจรักษา และยังเป็นผู้สร้างสุนัขโคลนนิงตัวแรกของโลก ถูกศาลกลางแห่งกรุงโซล (Seoul Central District Court) ตัดสินเมื่อวันที่ 26 ต.ค.52 ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น ให้มีความผิดจริงฐานยักยอกเงินวิจัย และซื้อขายไข่มนุษย์อย่างผิดกฎหมาย โดยได้รับโทษจำคุก 2 ปี

อย่างไรก็ดีเอพีรายงานว่า ฮวางยังสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ เนื่องจากศาลให้รอลงอาญาไว้ก่อน 3 ปี ขณะที่อัยการผู้ยื่นฟ้อง ได้เรียกร้องให้จำคุกฮวางเป็นเวลา 4 ปี แต่ผู้พิพากษา แบ คี-เยียล (Bae Ki-yeol) กล่าวว่า นักวิทยาศาสตร์วัย 56 ปีผู้นี้ได้แสดงความสำนึกผิด และความสำเร็จที่เห็นได้ในการโคลนสุนัข

ฮวางซึ่งปรากฏตัวด้วยความมั่นใจขณะเดินเข้าสู่สำนักงานศาล ไม่ได้ความเห็นใดๆ ต่อผู้สื่อข่าว มีเพียง ยู ชุล-มิน (Yoo Chul-min) ทนายความของเขาที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อทีวีว่า ฮวางจะไม่ยื่นอุทธรณ์ และกล่าวด้วยว่าลูกความของเขาไม่มีแก่ใจที่จะมุ่งมั่นในการทดลอง เนื่องจาก “ถูกกินเวลา” ไประหว่างถูกสอบสวน

เมื่อปี 2547 ฮวางโด่งดังไปทั่วโลก เมื่อเขาและอดีตคณะทำงานของเขาที่มหาวิทยาลัยโซล (Seoul National University) มีผลงานตีพิมพ์ลงวารสารไซน์ (Science) จากผลงานที่พวกเขาอ้างว่าได้โคลนตัวอ่อนของมนุษย์ขึ้นเป็นครั้งแรกของโลก และยังได้สกัดเอาสเต็มเซลล์ออกมา

หลังจากนั้น 1 ปี ทางทีมของฮวางยังเผยแพร่ผลงานในวารสารเดียวกัน โดยอ้างว่าได้ผลิตสเต็มเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์ที่มีพันธุกรรมตรงกับคนไข้ การค้นพบใหม่ที่อ้างขึ้นนี้ได้สร้างความมั่นใจต่อวิถีทางที่จะต่อสู้กับระบบภูมิคุ้มกันของคนไข้

ทั้งนี้งานวิจัยทางด้านสเต็มเซลล์นั้นมีความขัดแย้งสูง และฮวางก็เป็นนักวิทยาศาสตร์ของเกาหลีใต้คนเดียวที่ได้รับอนุญาตให้ศึกษากับเซลล์ต้นแบบ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายกล่าวว่าสามารถที่จะนำไปสู่การปฏิวัติการรักษาโรคที่ยากจะบำบัดอย่างอัลไซเมอร์ (Alzheimer) และพาร์กินสัน (Parkinson)

ทางรัฐบาลเกาหลีใต้เองก็ประเคนผลประโยชน์มากมายให้ฮวาง ทั้งยังยกย่องให้เขาเป็น “ยอดนักวิทยาศาสตร์” คนแรกของประเทศ แล้วยังให้ทุนวิจัยอย่างเหลือเฝือ รวมทั้งแต่งตั้งหน่วยรักษาความปลอดภัยส่วนตัวให้ มอบสถานะทางการทูตเพื่อการติดต่อระดับนานาชาติ

ไม่เพียงเท่านั้นทางสายการบินโคเรียนแอร์ (Korean Air) ยังมอบอภิสิทธิ์ให้ฮวางและภรรยาโดยสารชั้นการบินชั้นหนึ่งเป็นเวลาถึง 10 ปี และยกย่องเขาว่าเป็น “สมบัติของชาติ”

ถึงอย่างนั้นชื่อเสียงของฮวางก็ตกวูบอย่างรวดเร็ว หลังเกิดคำถามต่องานวิจัยที่เขาอ้าง ซึ่งนำไปสู่การสอบสวนโดยคณะกรรมการของมหาวิทยาลัย และได้ข้อสรุปว่ารายงานทางวิชาการเมื่อปี 2548 ของเขานั้นสร้างขึ้นจากข้อมูลเท็จ และโยงไปสู่ความสงสัยในงานวิจัยก่อนหน้านั้น 1 ปี ซึ่งทางวารสารไซน์ก็ได้ถอนงานวิจัยทั้งสองของฮวางออกจากวารสาร และในปี 2549 ทางรัฐบาลเกาหลีใต้ก็เพิกถอนสิทธิในการวิจัยสเต็มเวลล์ของเขารวมถึงสิทธิพิเศษอื่นๆ ที่มอบให้ด้วย

ฮวางถูกควบคุมตัวในอีก 1 ปีหลังจากนั้น ด้วยความผิดในการรับเงินบริจาคทีมอบให้ส่วนตัว 2 พันล้านวอนหรือประมาณ 70 ล้านบาท และเขายังยักยอกเงิน 800 ล้านวอนหรือ 28 ล้านบาท รวมทั้งซื้อไข่มนุษย์เพื่อทำวิจัย ซึ่งเป็นเรื่องผิดในกฎหมายด้านชีวจริยธรรมของเกาหลีใต้ แม้จะยอมรับว่าข้อมูลวิจัยเป็นข้อมูลปลอม แต่ฮวางอ้างว่าเขาถูกหลอกลวงจากนักวิจัยในคณะ

ในการสอบสวนมีพยานมาให้ข้อมูลทั้งหมดมากกว่า 60 ปากและใช้เวลาทั้งหมด 3 ปี ระหว่างการไต่สวนเมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมานั้น ฮวางร้องขอความเมตตาจากศาล และกล่าวว่าเขาพร้อมจะทุ่มเทความหลงใหลที่เหลืออยู่ให้กับงานวิจัยของเขา

แต่การตัดสินเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ผู้พิพากษาก็ยกฟ้องความผิดกระทงหลักของเขา ในเรื่องการหลอกลวงเพื่อให้ได้รับทุนวิจัย โดยกล่าวว่าเป็นเรื่องยาก ที่จะเชื่อได้ว่าฮวางได้หลอกลวงผู้บริจาคเพื่อให้ได้ทุนวิจัยตามข้อกล่าวหา

ถึงตอนนี้ฮวางยังมีผู้ติดตามแสดงความภักดี โดยมีผู้สนับสนุนหลายสิบคนที่ให้กำลังใจเขาอยู่นอกศาลเมื่อตัดสินคดี และตะโกนว่า “เราเชื่อ ดร.ฮวาง” โดย ชอย บู-อัม (Choi Bu-am) ผู้ป่วยโปลิโอ ซึ่งเป็นรองประธานสมาคมวัฒนธรรมเพื่อคนพิการเกาหลี กล่าวว่า คดีนี้เป็นเรื่องเลวร้ายสำหรับคนพิการอย่างพวกเขา และพวกเขายังต้องการให้รัฐบาลมอบสิทธิในการวิจัยสเต็มเซลล์แก่ฮวางด้วย.
ฮวางขณะเดินออกจากศาลกลางกรุงโซล ท่ามกลางกองเชียร์และผู้สนับสนุนที่มาให้กำลังใจ (ภาพเอพี)
กำลังโหลดความคิดเห็น