เลขาฯ วช.เผยทำระบบไอทีคัดกรองงานวิจัยลดความซ้ำซ้อนแล้ว 3 ปี และเสริมการทำงานวิจัยได้มากขึ้น พร้อมระบุร่วมอภิปรายกับ สกว.และ สวทช. อีก 2 หน่วยงานวิจัยระดับชาติ เห็นพ้องงานวิจัยเป็นพื้นฐานของประเทศ ควรให้ความสำคัญและทำงานร่วมกันในทิศทางที่สอดคล้อง เพื่อทำให้งานวิจัยสร้างประโยชน์แก่สังคม และสร้างรายได้ให้ประเทศ
ศ.ดร.อานนท์ บุญยรัตเวช เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กล่าวกับทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ หลังสิ้นสุดการประชุมภายในการนำเสนอผลงานวิจัยแห่งชาติ 2552 (Thailand Reseach Expo 2009) ณ ศูนย์ประชุมบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ ว่างานประชุมปีนี้มีรูปแบบชัดเจนขึ้น เนื่องจากได้เรียนรู้ประสบการณ์จากงานปีที่ผ่านๆ มา ซึ่งโดยส่วนตัวประทับใจงานวิจัยด้านพัฒนาเทคโนโลยีที่นำไปใช้ประโยชน์ได้ งานวิจัยที่มีความร่วมมือจากหลายฝ่ายเพื่อแก้ปัญหาของประเทศ และงานวิจัยที่นำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาพัฒนา และบางเรื่องเป็นงานวิจัยที่เปิดศักราชงานวิจัยท้องถิ่นมากขึ้น
"งานครั้งนี้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่อยากให้ประชาชนมีส่วนร่วมในงานวิจัย และเราตั้งใจอยากให้งานวิจัยไปถึงประชาชน ซึ่งเราก็ได้เห็นว่ามีคนมาร่วมฟังบรรยายและอภิปราย ในห้องบรรยายมีคนเข้าฟังทุกห้อง และมีหน่วยงานมาร่วมจัดนิทรรศการเยอะ อีกทั้งคุณภาพในการนำเสนอก็ดี" ศ.ดร.อานนท์กล่าว
พร้อมกันนี้เลขาธิการ วช.ยังได้ร่วมอภิปรายในหัวข้อการวิจัยกับวิสัยทัศน์ประเทศไทย กับผู้บริการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ภายในงานการนำเสนอผลงานวิจัยแห่งชาติ และมีข้อสรุปที่สอดคล้องกันว่างานวิจัยเป็นพื้นฐานของประเทศ ดังนั้นจึงต้องให้ความสำคัญและทำงานร่วมกันในทิศทางที่สอดคล้องกัน คือสร้างงานวิจัยที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและสร้างรายได้ให้กับประเทศ
อย่างไรก็ดี ทีมข่าววิทยาศาสตร์ได้สอบถามถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีเคยกล่าวไว้ว่างานวิจัยไทยยังมีความซ้ำซ้อนกันอยู่นั้น ศ.ดร.อานนท์กล่าวว่า ในส่วนของ วช.ได้แก้ปัญหาดังกล่าว โดยจัดทำระบบ NRPM (National Reseach Project Management) ซึ่งเป็นระบบเทคโนโลยีสารสนเทศให้ผู้ทำวิจัยได้กรอกข้อมูลงานวิจัยที่ทำ เพื่อเป็นข้อมูลสวนกลางสำหรับคัดกรองและลดความซ้ำซ้อนของงานวิจัย และจากการดำเนินงานมาตลอด 3 ปี ระบบดังกล่าวช่วยลดความซ้ำซ้อนและเสริมการทำงานระหว่างนักวิจัย ทั้งนี้ วช.ได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรีให้เป็นศูนย์กลางในการจัดทำระบบดังกล่าว
สำหรับงานการนำเสนอผลงานวิจัยแห่งชาติ 2552 นั้นจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26-30 ส.ค.52 ณ ศูนย์ประชุมบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งนำเสนอผลงานวิจัยกว่า 600 ผลงานจาก 100 หน่วยงาน การประชุมสัมมนาที่มีมากกว่า 120 หัวข้อ ในการประชุมขนาดใหญ่ที่เสวนากันเรื่องนโยบายและการบริหารจัดการงานวิจัย การประชุมขนาดกลางซึ่งเสวนากันในหัวข้อประเด็นร้อนและปัญหาของประเทศที่ต้องเร่งแก้ไข และการประชุมหัวข้อเฉพาะ