ณ วันนี้ การขุดอาคารกว่า 1,500 หลัง ใน Pompeii ทำให้อาคารได้รับการตั้งชื่อต่าง ๆ มากมาย เช่น Villa of Mysteries, House of the Moralist, House of Julius Polybius, House of Vetti, Inn of Salvius และค่าย gladiator ที่ภายในซึ่งมีเครื่องประดับทองสำริด เกราะ และศพ gladiator ที่ถูกล่ามโซ่ เพราะยามเฝ้าได้หนีก่อนไขกุญแจปลดปล่อย gladiator ไป
สำหรับ House of Vetti นั้นก็ได้มีการพบว่า ที่ผนังมีการตบแต่งด้วยภาพวาดสีสวยงามเป็นรูปของ Nero เพราะมีภาพวาดบนผนังที่แสดงชีวิตของพระองค์ ส่วนที่ House of Faun นั่นก็โออ่า และเป็นห้องรับแขกที่พื้นถูกปูด้วยกระเบื้อง mosaic ที่แสดงการรบของจักรพรรดิ Alexander นอกจากนี้ก็มีรูปปั้นขนาดเล็กที่ทำด้วยกระเบื้องดินเผาด้วย
การขุดยังทำให้พบเครื่องประดับต่าง ๆ ของชาว Pompeii เช่น แหวนทองคำ สร้อย ต่างหู ช้อนเงิน ขวดน้ำหอม เหรียญ เข็มเย็บผ้า มีด และคีมตักถ่านหิน ที่ทำด้วยเหล็กด้วย ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้เราเข้าใจและรู้วิถีชีวิตของชาว Pompeii ในสมัยนั้นดี เพราะ Visuvius ได้ระเบิดอย่างรวดเร็ว และสิ้นสุดอย่างรีบร้อน ดังนั้น อาคารต่างๆ ที่เป็นที่พักอาศัยจึงยังถูกเก็บให้อยู่ในสภาพดี
ในวารสาร Analytical Chemistry ฉบับเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2549 Marine Cotte แห่ง European Synchrotron Radiation Facility ที่ Grenoble ในฝรั่งเศสกับคณะได้ศึกษาภาพวาดต่าง ๆ ที่ปรากฏบนผนังอาคารและได้พบว่า ภาพวาดที่เคยมีสีสวยงามในอดีตเมื่อ 2,000 ปีก่อน มาบัดนี้ได้ถูกแสงแดดแผดเผา และถูกมลพิษอันเนื่องจากสารเคมีในอากาศรบกวน ทำให้สีที่เคยสดกลับหมองมัวอย่างเห็นได้ชัด
ในการวิเคราะห์สีที่ใช้ระบาย Cotte ได้พบว่า สารประกอบ mercury sulphide ที่จิตรกรในสมัยนั้นเคยใช้ได้เปลี่ยนจาก cinnabar สีแดงมาเป็น metacinnabar สีดำ เหตุการณ์นี้ทำให้ผู้อนุรักษ์เมือง Pompeii กังวลมาก แต่เมื่อ Cotte วิเคราะห์สี ด้วยรังสีเอ็กซ์จากอุปกรณ์ synchrotron เขาก็พบว่าความเข้าใจเดิมที่ว่าสีดำของ metacinnabar คือสาเหตุนั้นผิด เพราะในความเป็นจริง ก๊าซ chlorine กับหินปูนได้ทำปฏิกิริยากับ cinnebar จนเกิดสารประกอบใหม่ที่ไวแสงและสลายตัว ให้ปรอทสีเทา จากนั้นก๊าซ sulphur dioxide ในอากาศดีได้เปลี่ยนหินปูนเป็นผลึกของ calcium sulphale ซึ่งเมื่อจับกับฝุ่นจะมีสีดำ ดังนั้นในการจะทำให้สีสดใส ภัณฑารักษ์จะต้องกรองฝุ่นจากบริเวณอาคารออก และสร้างที่กั้นแสงไม่ให้แสงอาทิตย์ตกกระทบสีแดงของ mercury sulphide ได้
เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม ที่ผ่านมานี้ National Gallery of Art ที่ Washington ได้จัดงาน Pompeii and the Roman Villa : Art and Culture Around the Bay of Naples ในงานแสดงมีการแสดงสวนโรมัน ภาพปูนเปียกบนกำแพงและผนังห้อง เสากลม ตะเกียงอ่านหนังสือ น้ำพุ รูปปั้นของเทพ รวมถึง ตุ้มหู ช้อนเงิน ขวดน้ำหอม เหรียญ เข็มเย็บผ้า มีด คีม เบาะ ที่นั่งมีพนักสำหรับกินเหล้า และมีศพที่กลายเป็นหินแข็ง กับรูปปั้นของกลาเดียเตอร์ที่ถูกล่ามโซ่ติดกำแพง ฯลฯ โดยจัดแสดงสิ่งต่างๆ รวมถึงผู้คนให้มีสภาพเหมือนที่เคยอยู่ใน Pompeii ก่อนจะตกเป็นเหยื่อของ Visuvius เมื่อ พ.ศ. 622 เพื่อให้ผู้เข้าชมได้ยินเสียงดนตรี เห็นภาพการกินผลไม้ เห็ด ปลิงบนจาน เห็นการละเล่นเต้นรำ กายกรรม และการต่อสู้ของกลาเดียเตอร์
หากนับถึงวันนี้ นักโบราณคดีชาวอิตาลีได้ขุดซากอาคารต่าง ๆ นับได้ 1,500 หลังแล้ว และได้ข้อมูลชีวิตของชาว Pompeii มากเช่นว่ามีซ่อง 25 แห่งที่ภายในห้องมีเตียงหินและมีฟูกบนผนังมีภาพวาดแสดงลีลาการให้บริการ และโสเภณีมักเป็นทาสชาวกรีกหรือชาวตะวันออก ส่วนโสเภณีชื่อ Myrtale นั้นมีชื่อเสียงโด่งดัง อีกทั้งยังได้พบบ้านที่มีภาพของเทพ Apollo กับ นางไม้ ซึ่งทำให้คิดว่า ในอดีตสถานที่นี้เคยเป็นพระราชวังของ Nero ผู้ปลงพระชนม์ของพระองค์เองใน พ.ศ. 611 และมีร้านขายเหล้าองุ่นมากมาย
เหล่านี้คือชีวิตเมือง Pompeii ก่อนถูก Visuvius ถล่ม และการระเบิดนั้นก็คือ ข้อเตือนให้ชาวเมือง Naples และบริเวณใกล้เคียงรู้ว่า ถ้า Visuvius พิโรธอีก ชีวิตของคนแถบนั้นก็จะเป็นเช่นเดียวกับชาว Pompeii คำขู่คำเตือนเหล่านี้ ถ้าใครกลัวมาก รัฐบาลอิตาลีก็ได้เสนอให้เงิน 1.2 ล้านบาทแก่ทุกครอบครัวที่ย้ายออกไปจากบริเวณอันตราย
เมื่อต้นปีนี้ Mary Beard ได้เรียบเรียงหนังสือชื่อ Pompeii : The Life of a Roman Town หนา 416 หน้า ราคา 25 ปอนด์ โดยได้กล่าวถึงชีวิตชาว Pompeii พร้อมหลักฐาน เช่น คำจารึก ภาพวาด mosaic เครื่องใช้ในบ้าน ฯลฯ อย่างมีชีวิตชีวา จนทำให้เราสามารถเห็นเมืองๆ นี้ ว่าผู้คนในเมืองใช้ชีวิตอย่างไร และนี่คือเหตุผลที่ทำให้ทุกปีมีนักท่องเที่ยว 3 ล้านคนไปเยี่ยมชม
สุทัศน์ ยกส้าน เมธีวิจัยอาวุโส สกว.