ใกล้ถึงวันประชุมสภาพันธมิตรฯ และการชุมนุมเฉลิมฉลองครบรอบหนึ่งปีการต่อสู้ 193 วันของชาวพันธมิตรฯ ทั้งประเทศ ผมขอเสนอความคิดเห็นเรื่องการสร้าง/ตั้งพรรคการเมืองของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต่อชาวพันธมิตรฯ ทุกท่าน ดังนี้
1. ต้องตีประเด็นให้แตกว่า พันธมิตรฯ สร้าง/ตั้งพรรคขึ้นมาเพื่ออะไร
ข้อนี้ ผมมีความเห็นว่า พันธมิตรฯ สร้าง/ตั้งพรรคขึ้นมา จะต้องเพื่อขยายฐานการขับเคลื่อนของขบวนการการเมืองภาคประชาชนที่นำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพื่อเสริมสร้างอำนาจประชาชนให้เข้มแข็งใหญ่โตยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม บนฐานเดิมที่มีอยู่แล้ว หากมิใช่สร้าง/ตั้งขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่แทนพันธมิตรฯ หรือเปลี่ยนบทบาทของพันธมิตรฯ ไปเป็นบทบาทของพรรคการเมืองซึ่งเป็นอีกเวทีหนึ่งที่คับแคบ เท่ากับเป็นการเอามือไปซุกหีบ
ต้องไม่ลืมว่า พันธมิตรฯ เกิดขึ้นได้ในเงื่อนไขของประวัติศาสตร์ที่แน่นอน มิใช่จากความต้องการของใคร เมื่อเกิดขึ้นมาแล้ว ก็ขยายตัวเติบใหญ่ได้ทันตาเห็น ด้วยอารมณ์ร่วมของมวลชนทั้งประเทศ ด้วยอานุภาพของสื่อยุคใหม่ในมือของพันธมิตรฯ (เอเอสทีวี) และความมุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว ทุ่มเท เสียสละของแกนนำและเพื่อนพ้องจากทั่วทุกสารทิศที่รู้เห็นและตระหนักในปัญหาร่วมกัน นั่นคือ ความเหลวเละของนักการเมืองไทย ต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปสู่อนาคตที่ดีกว่า ต้องการดิ้นหลุดจากวงจรอุบาทว์ในบัดดล
เราจำเป็นต้องรักษาฐานความคิดความเข้าใจและอารมณ์ร่วมกันนี้ไว้อยู่เสมอ อย่าให้ความคิดความเข้าใจและอารมณ์อย่างอื่นเบียดแทรกเช้ามาแทนที่ หรือเข้ามาก่อกวนโดยเด็ดขาด การกระทำใดๆ (โดยจงใจหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์) ที่จะบั่นทอนฐานร่วมอันกว้างใหญ่ไพศาล ไม่แบ่งแยกชนชั้น เชื้อชาติ ศาสนานี้ เท่ากับว่าเป็นการทำลายความเข้มแข็งของพันธมิตรฯ โดยตรง
ดังนั้น เราจะต้องพิทักษ์รักษาฐานนี้ไว้ และต่อต้านการทำลายฐานนี้ แต่ทั้งนี้ ต้องทำอย่างเป็นระบบ แยกแยะให้ชัดว่าอะไรเป็นอะไร ซึ่งต้องใช้การยกระดับความรับรู้- ปัญญา เป็นหลัก หลีกเลี่ยงการกล่าวหา โจมตีให้มากที่สุด
2. ต้องกำหนดสถานภาพของพรรคที่พันธมิตรฯ จะสร้าง/ตั้งขึ้นว่า เป็นเพียง “เครื่องมือ” หรือองค์กรหนึ่งของพันธมิตรฯ เฉกเช่นสถานภาพของ เอเอสทีวี (องค์กรสื่อ) ที่ชาวพันธมิตรฯ จะต้องให้การสนับสนุนในฐานะเป็น “เครื่องมือ” ของตน เป็นองค์ประกอบใหม่ขององคาพยพของพันธมิตรฯ โดยนัยนี้ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็คือ “แม่” ของพรรคการเมืองที่จะสร้าง/ตั้งขึ้นมา โดยกำหนดบทบาทหน้าที่ให้ไปดำเนินการปฏิบัติ ประสานกับการทำงานขององค์กรอื่นๆ ของพันธมิตรฯ เช่น องค์กรสื่อ องค์กรทางธุรกิจ องค์กรศิลปวัฒนธรรม เป็นต้น
มองในภาพรวม การสร้าง/ตั้งพรรคการเมืองของพันธมิตรฯ โดยนัยก็คือ พันธมิตรฯ จะมีองค์กรใหม่เพิ่มขึ้นอีกองค์กรหนึ่ง คือองค์กรการเมืองในระบบรัฐสภา แสดงบทบาทเป็นเพียงองค์กรหนึ่งในโครงข่ายองค์กรของพันธมิตรฯ ซึ่งจะต้องไม่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสถานภาพของพันธมิตรฯ โดยเด็ดขาด
ด้วยเหตุนี้ การสร้าง/ตั้งพรรคการเมืองของพันธมิตรฯ จะต้องไม่ใช่เพราะความต้องการของใคร และเพื่อจุดประสงค์เฉพาะอันใด แต่เพราะความจำเป็นของการพัฒนาขยายตัวของขบวนการการเมืองภาคประชาชนที่นำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งปัจจุบันได้พัฒนาเติบใหญ่เป็นอำนาจยิ่งใหญ่ระดับชาติ ที่จะกำหนดทิศทางการพัฒนาของการเมืองไทยจากการเมืองเก่าไปสู่การเมืองใหม่ สมประโยชน์ให้แก่ปวงชนชาวไทยทุกเชื้อชาติ ศาสนา ได้อย่างเป็นจริง
ดังนั้น จักต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนในสองประเด็นสำคัญนี้ในหมู่พวกเราชาวพันธมิตรฯ โดยใช้เวทีการประชุมทั้งในวันที่ 24 และ 25 พ.ค.52 นี้ และเมื่อทำความเข้าใจกันดีแล้ว หากที่ประชุมมีมติให้ดำเนินการก็ดำเนินการได้เลย หรือหากที่ประชุมไม่เห็นด้วย ก็ชะลอไว้ก่อน แล้วช่วยกันเสริมสร้างองค์กรที่มีอยู่แล้วให้เข้มแข็ง ทรงประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ภารกิจของพันธมิตรฯ เป็นภารกิจทางประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ได้มอบหมายให้แล้ว มีสิ่งที่จะต้องทำกันเยอะแยะในทุกๆ ด้าน มิใช่เพียงการเคลื่อนไหวชุมนุมประท้วง ซึ่งเป็นเพียงรูปแบบหนึ่งของการเคลื่อนไหวปฏิบัติ ใครที่บอกว่าหากไม่สร้าง/ตั้งพรรคการเมืองแล้วพันธมิตรฯ จะว่างงาน ก็ขอให้ตระหนักด้วยว่า พันธมิตรฯ เป็นผลพวงของประวัติศาสตร์พัฒนาการการเมืองไทย เกิดขึ้นได้เพราะสำนึกร่วมกันของปวงประชามหาชน มีภารกิจแน่นอนทางประวัติศาสตร์ ส่วนยุทธศาสตร์ยุทธิวิธีนั้นสามารถพลิกแพลงได้เสมอ จะต้องไม่ “จนแต้ม” ทางความคิดเด็ดขาด
เพื่อให้ชาวพันธมิตรฯ ทำอะไรได้ดีและถูกต้องยิ่งขึ้น เราควรมีหลักยึดดังนี้
1) ไม่ตัดตอนประวัติศาสตร์ อะไรที่ดีก็ต้องบอกว่าดี ไม่ทำลาย สืบสานสิ่งดีๆ ทางประวัติศาสตร์ชาติไทย ต้องไม่มีพฤติกรรมแบบพวก “ซ้ายไร้เดียงสา” (ไม่ว่าจะสวมเสื้อสีอะไร) ที่แกะความคิดตนเองไม่หลุดจากภาพเฉพาะในอดีต หรือภาพเฉพาะของต่างประเทศ ไม่เป็นอิสระเป็นตัวของตัวเองทางความคิด ไม่ตั้งอยู่บนฐานของความเป็นจริงในระดับองค์รวม
2) ไม่จำนนต่อปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศไทยมาถึงแล้ว ไม่มีใครสามารถขวางกั้นได้ อะไรที่ว่ายากก็จะไม่ยาก อะไรที่ว่าเป็นไปไม่ได้ก็จะเป็นไปได้ ต้องไม่ตีกรอบตนเองแบบพวก “ซ้ายอนุรักษ์” (ที่ชอบสีขาวมากเป็นพิเศษ) ชอบชวนใครต่อใครอยู่เฉยๆ “เป็นกลาง”
3) มองเห็นอนาคตเสมอ เมื่อเราไม่ตัดอดีต ไม่จำนนต่อปัจจุบัน ก็ย่อมมองเห็นอนาคต ค้นพบทางออก เราชาวพันธมิตรฯ ก็จะไม่หลงทิศผิดทางมุ่งสู่ชัยชนะ และสามารถสร้างประวัติศาสตร์ชาติไทยได้สำเร็จ ด้วยมือตน
สรุปคือ การสร้าง/ตั้งพรรคการเมืองของพันธมิตรฯ ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย เมื่อทำความเข้าใจกันดีแล้ว เห็นร่วมกันแล้ว ว่าสร้าง/ตั้งก็สร้าง/ตั้ง ถ้าไม่ก็ไม่สร้าง/ตั้ง
ความเป็นปึกแผ่นของพันธมิตรฯ ต่างหาก คือเรื่องคอขาดบาดตาย
1. ต้องตีประเด็นให้แตกว่า พันธมิตรฯ สร้าง/ตั้งพรรคขึ้นมาเพื่ออะไร
ข้อนี้ ผมมีความเห็นว่า พันธมิตรฯ สร้าง/ตั้งพรรคขึ้นมา จะต้องเพื่อขยายฐานการขับเคลื่อนของขบวนการการเมืองภาคประชาชนที่นำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพื่อเสริมสร้างอำนาจประชาชนให้เข้มแข็งใหญ่โตยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม บนฐานเดิมที่มีอยู่แล้ว หากมิใช่สร้าง/ตั้งขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่แทนพันธมิตรฯ หรือเปลี่ยนบทบาทของพันธมิตรฯ ไปเป็นบทบาทของพรรคการเมืองซึ่งเป็นอีกเวทีหนึ่งที่คับแคบ เท่ากับเป็นการเอามือไปซุกหีบ
ต้องไม่ลืมว่า พันธมิตรฯ เกิดขึ้นได้ในเงื่อนไขของประวัติศาสตร์ที่แน่นอน มิใช่จากความต้องการของใคร เมื่อเกิดขึ้นมาแล้ว ก็ขยายตัวเติบใหญ่ได้ทันตาเห็น ด้วยอารมณ์ร่วมของมวลชนทั้งประเทศ ด้วยอานุภาพของสื่อยุคใหม่ในมือของพันธมิตรฯ (เอเอสทีวี) และความมุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว ทุ่มเท เสียสละของแกนนำและเพื่อนพ้องจากทั่วทุกสารทิศที่รู้เห็นและตระหนักในปัญหาร่วมกัน นั่นคือ ความเหลวเละของนักการเมืองไทย ต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปสู่อนาคตที่ดีกว่า ต้องการดิ้นหลุดจากวงจรอุบาทว์ในบัดดล
เราจำเป็นต้องรักษาฐานความคิดความเข้าใจและอารมณ์ร่วมกันนี้ไว้อยู่เสมอ อย่าให้ความคิดความเข้าใจและอารมณ์อย่างอื่นเบียดแทรกเช้ามาแทนที่ หรือเข้ามาก่อกวนโดยเด็ดขาด การกระทำใดๆ (โดยจงใจหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์) ที่จะบั่นทอนฐานร่วมอันกว้างใหญ่ไพศาล ไม่แบ่งแยกชนชั้น เชื้อชาติ ศาสนานี้ เท่ากับว่าเป็นการทำลายความเข้มแข็งของพันธมิตรฯ โดยตรง
ดังนั้น เราจะต้องพิทักษ์รักษาฐานนี้ไว้ และต่อต้านการทำลายฐานนี้ แต่ทั้งนี้ ต้องทำอย่างเป็นระบบ แยกแยะให้ชัดว่าอะไรเป็นอะไร ซึ่งต้องใช้การยกระดับความรับรู้- ปัญญา เป็นหลัก หลีกเลี่ยงการกล่าวหา โจมตีให้มากที่สุด
2. ต้องกำหนดสถานภาพของพรรคที่พันธมิตรฯ จะสร้าง/ตั้งขึ้นว่า เป็นเพียง “เครื่องมือ” หรือองค์กรหนึ่งของพันธมิตรฯ เฉกเช่นสถานภาพของ เอเอสทีวี (องค์กรสื่อ) ที่ชาวพันธมิตรฯ จะต้องให้การสนับสนุนในฐานะเป็น “เครื่องมือ” ของตน เป็นองค์ประกอบใหม่ขององคาพยพของพันธมิตรฯ โดยนัยนี้ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็คือ “แม่” ของพรรคการเมืองที่จะสร้าง/ตั้งขึ้นมา โดยกำหนดบทบาทหน้าที่ให้ไปดำเนินการปฏิบัติ ประสานกับการทำงานขององค์กรอื่นๆ ของพันธมิตรฯ เช่น องค์กรสื่อ องค์กรทางธุรกิจ องค์กรศิลปวัฒนธรรม เป็นต้น
มองในภาพรวม การสร้าง/ตั้งพรรคการเมืองของพันธมิตรฯ โดยนัยก็คือ พันธมิตรฯ จะมีองค์กรใหม่เพิ่มขึ้นอีกองค์กรหนึ่ง คือองค์กรการเมืองในระบบรัฐสภา แสดงบทบาทเป็นเพียงองค์กรหนึ่งในโครงข่ายองค์กรของพันธมิตรฯ ซึ่งจะต้องไม่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสถานภาพของพันธมิตรฯ โดยเด็ดขาด
ด้วยเหตุนี้ การสร้าง/ตั้งพรรคการเมืองของพันธมิตรฯ จะต้องไม่ใช่เพราะความต้องการของใคร และเพื่อจุดประสงค์เฉพาะอันใด แต่เพราะความจำเป็นของการพัฒนาขยายตัวของขบวนการการเมืองภาคประชาชนที่นำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งปัจจุบันได้พัฒนาเติบใหญ่เป็นอำนาจยิ่งใหญ่ระดับชาติ ที่จะกำหนดทิศทางการพัฒนาของการเมืองไทยจากการเมืองเก่าไปสู่การเมืองใหม่ สมประโยชน์ให้แก่ปวงชนชาวไทยทุกเชื้อชาติ ศาสนา ได้อย่างเป็นจริง
ดังนั้น จักต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนในสองประเด็นสำคัญนี้ในหมู่พวกเราชาวพันธมิตรฯ โดยใช้เวทีการประชุมทั้งในวันที่ 24 และ 25 พ.ค.52 นี้ และเมื่อทำความเข้าใจกันดีแล้ว หากที่ประชุมมีมติให้ดำเนินการก็ดำเนินการได้เลย หรือหากที่ประชุมไม่เห็นด้วย ก็ชะลอไว้ก่อน แล้วช่วยกันเสริมสร้างองค์กรที่มีอยู่แล้วให้เข้มแข็ง ทรงประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ภารกิจของพันธมิตรฯ เป็นภารกิจทางประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ได้มอบหมายให้แล้ว มีสิ่งที่จะต้องทำกันเยอะแยะในทุกๆ ด้าน มิใช่เพียงการเคลื่อนไหวชุมนุมประท้วง ซึ่งเป็นเพียงรูปแบบหนึ่งของการเคลื่อนไหวปฏิบัติ ใครที่บอกว่าหากไม่สร้าง/ตั้งพรรคการเมืองแล้วพันธมิตรฯ จะว่างงาน ก็ขอให้ตระหนักด้วยว่า พันธมิตรฯ เป็นผลพวงของประวัติศาสตร์พัฒนาการการเมืองไทย เกิดขึ้นได้เพราะสำนึกร่วมกันของปวงประชามหาชน มีภารกิจแน่นอนทางประวัติศาสตร์ ส่วนยุทธศาสตร์ยุทธิวิธีนั้นสามารถพลิกแพลงได้เสมอ จะต้องไม่ “จนแต้ม” ทางความคิดเด็ดขาด
เพื่อให้ชาวพันธมิตรฯ ทำอะไรได้ดีและถูกต้องยิ่งขึ้น เราควรมีหลักยึดดังนี้
1) ไม่ตัดตอนประวัติศาสตร์ อะไรที่ดีก็ต้องบอกว่าดี ไม่ทำลาย สืบสานสิ่งดีๆ ทางประวัติศาสตร์ชาติไทย ต้องไม่มีพฤติกรรมแบบพวก “ซ้ายไร้เดียงสา” (ไม่ว่าจะสวมเสื้อสีอะไร) ที่แกะความคิดตนเองไม่หลุดจากภาพเฉพาะในอดีต หรือภาพเฉพาะของต่างประเทศ ไม่เป็นอิสระเป็นตัวของตัวเองทางความคิด ไม่ตั้งอยู่บนฐานของความเป็นจริงในระดับองค์รวม
2) ไม่จำนนต่อปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศไทยมาถึงแล้ว ไม่มีใครสามารถขวางกั้นได้ อะไรที่ว่ายากก็จะไม่ยาก อะไรที่ว่าเป็นไปไม่ได้ก็จะเป็นไปได้ ต้องไม่ตีกรอบตนเองแบบพวก “ซ้ายอนุรักษ์” (ที่ชอบสีขาวมากเป็นพิเศษ) ชอบชวนใครต่อใครอยู่เฉยๆ “เป็นกลาง”
3) มองเห็นอนาคตเสมอ เมื่อเราไม่ตัดอดีต ไม่จำนนต่อปัจจุบัน ก็ย่อมมองเห็นอนาคต ค้นพบทางออก เราชาวพันธมิตรฯ ก็จะไม่หลงทิศผิดทางมุ่งสู่ชัยชนะ และสามารถสร้างประวัติศาสตร์ชาติไทยได้สำเร็จ ด้วยมือตน
สรุปคือ การสร้าง/ตั้งพรรคการเมืองของพันธมิตรฯ ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย เมื่อทำความเข้าใจกันดีแล้ว เห็นร่วมกันแล้ว ว่าสร้าง/ตั้งก็สร้าง/ตั้ง ถ้าไม่ก็ไม่สร้าง/ตั้ง
ความเป็นปึกแผ่นของพันธมิตรฯ ต่างหาก คือเรื่องคอขาดบาดตาย