"ไพลจีนิค" แผ่นอนามัยทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นจากสมุนไพรไทย

นักวิจัย วว. คิดค้นสูตรใหม่ ผลิตแผ่นผ้าอนามัยเช็ดทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นผสม "น้ำมันไพล" ช่วยยับยั้งแบคทีเรียก่อโรคในช่องคลอด ผิวหนัง และระบบทางเดินอาหาร หรือใช้เช็ดทำความสะอาดฝารองนั่งชักโครกในห้องน้ำสาธารณะก็ได้ ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้และระคายเคือง เป็นทางเลือกใหม่ให้สุภาพสตรีไทย เอกชนสนใจต่อยอดเชิงพาณิชย์ พร้อมช่วยลดการนำเข้าสารเคมีจากต่างประเทศ

นางภัทรา อะหมะดี พีรซะหีด นักวิชาการ ผ่ายเภสัชและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) พัฒนาแผ่นผ้าอนามัยเช็ดทำควาสะอาดจุดซ่อนเร้นภายนอกสำหรับสุภาพสตรี "ไพลจีนิค" (PLYGENIC) โดยมีน้ำมันไพลเป็นส่วนประกอบหลัก ช่วยยับยั้งและฆ่าเชื้อก่อโรคในช่องคลอดได้เป็นอย่างดี และไม่ทำลายสมดุลของบริเวณดังกล่าว

นักวิจัยให้ข้อมูลกับทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTVผู้จัดการออนไลน์ว่า ปัจจุบันตลาดน้ำยาอนามัยทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นของสตรีมีมูลค่าสูงถึง 420 ล้านบาท และเติบโตมากกว่า 30% ต่อปี และจากการสำรวจผู้บริโภคก็พบว่ามีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มากขึ้น โดยเฉพาะสตรีที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นและวัยทำงาน

ทว่าผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นที่วางจำหน่ายทั่วไปในท้องตลาดส่วนใหญ่ทำจากสารเคมี และไทยต้องนำเข้าจากต่างประเทศ จึงคิดว่าสมุนไพรไทยที่มีอยู่มากมายก็น่าจะนำมาใช้ประโยชน์ในรูปแบบนี้ได้เช่นกัน จึงได้ทดลองนำน้ำมันไพลมาใช้เป็นส่วนประกอบหลักของแผ่นอนามัยไพลจีนิค

"ในน้ำมันไพลทีสกัดจากเหง้าไพลมีสารเทอร์พินีน-โฟร์-ออล (terpinene-4-ol) เป็นสารสำคัญ ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งและฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อจุลินทรีย์ปนเปื้อนตามสุขภัณฑ์ และเชื้อจุลินทรีย์ที่ก่อโรคในช่องคลอด เมื่อนำมาทำเป็นแผ่นอนามัยเช็ดทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น จึงสามารถป้องกันเชื้อแบคทีเรียที่ก่อโรคในช่องคลอดได้ เช่น ไนส์เซอร์เรีย โกโนเรีย (Neisseria gonorrhoea) ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียก่อโรคที่ทำให้เกิดอาคารคันบริเวณช่องคลอด และมีตกขาวมากผิดปรกติ ติดต่อได้จากการมีเพศสัมพันธ์" นางภัทรา ให้ข้อมูลแก่ผู้สื่อข่าวและทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTVผู้จัดการออนไลน์

นักวิจัยเผยอีกว่า จากการทดสอบกับผิวหนังและบริเวณช่องคลอดของหนูและกระต่าย ไม่พบว่าผลิตภัณฑ์ไพลจีนิคก่อให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองแต่อย่างใด ฉะนั้นจึงปลอดภัยและไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้ นอกจากนั้นยังสามารถใช้เช็ดทำความสะอาดสุขภัณฑ์สาธารณะเพื่อสุขอนามัยที่ดีได้

ทั้งนี้ โดยปรกติแล้วภายในจุดซ่อนเร้นของสตรีจะมีแบคทีเรียแลคโตบาซิลไล (Lactobacilli) ที่ผลิตกรดแลคติก ทำให้สภาพภายในจุดซ่อนเร้นมีความเป็นกรดอ่อนๆ ที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา แบคทีเรีย หรือไวรัส แปลกปลอมจากภายนอกได้ ซึ่งไพลจีนิคมีความเป็นกรดอ่อนๆ ใกล้เคียงกับสภาวะปรกติภายในช่องคลอด จึงไม่ไปรบกวนสมดุลของจุดซ่อนเร้น

นักวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ไพลจีนิคทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นมานาน 3 ปี และเสร็จสมบูรณ์เมื่อปลายปี 2551 พร้อมยื่นจดสิทธิบัตรเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างเจรจากับภาคเอกชนเพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีและนำไปผลิตเชิงพาณิชน์ต่อไป ซึ่งจะเป็นทางเลือกใหม่ให้กับผู้บริโภคและช่วยลดการนำเข้าเคมีภัณฑ์จากต่างประเทศได้

ผู้สนใจผลิตภัณฑ์ไพลจีนิค และผลงานวิจัยอื่นๆ ของ วว. สามารถติดตามเพิ่มเติมได้ในงาน "เปิดโลกทัศน์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 46 ปี วว." ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-24 พ.ค. 2552 ตั้งแต่เวลา 10.00-17.00 น. ณ อาคารถ่ายทอดเทคโนโลนี วว. เทคโนธานี คลองห้า ปทุมธานี