xs
xsm
sm
md
lg

ปีสากลแห่งดาราศาสตร์ (1)

เผยแพร่:   โดย: สุทัศน์ ยกส้าน

 Galileo
ย้อนอดีตไปเมื่อ 400 ปีก่อน (รัชสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถ) ความเข้าใจของมนุษย์ที่เกี่ยวกับเอกภพได้ถูกปฏิรูปอย่างมโหฬาร เมื่อ Galileo Galilei ใช้กล้องโทรทรรศน์สำรวจท้องฟ้า และภายในเวลาเพียง 2 ปี เขาก็ได้เห็นว่าผิวดวงจันทร์เป็นที่ราบ เทือกเขา และมีหุบเหวมากมาย (ซึ่งขัดแย้งกับคำสอนในไบเบิลที่ว่า ดวงจันทร์มีผิวเรียบเหมือนลูกบิลเลียด ทั้งนี้เพราะสรรพสิ่งที่พระเจ้าสร้างจะสมบูรณ์ และสวย)

นอกจากนี้เขาก็ยังได้เห็นปรากฏการณ์ข้างขึ้นข้างแรมของดาวศุกร์ (ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ดาวศุกร์โคจรรอบดวงอาทิตย์ และการค้นพบนี้จึงขัดแย้งกับคำสอนอีกเช่นกันว่า ดาวทุกดวงโคจรรอบโลก มิใช่รอบดวงอาทิตย์) และได้เห็นดาวบริวาร 4 ดวงของดาวพฤหัสบดีที่ต่างก็โคจรรอบดาวพฤหัสบดีมิใช่รอบโลก การเห็นเหตุการณ์เหล่านี้เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ตอกย้ำให้ Galileo ว่า โลกมิใช่จุดศูนย์กลางของจักรวาลดังที่เคยเชื่อ กันอีกต่อไป แต่เป็นเพียงดาวเคราะห์ดวงเล็กๆ ดวงหนึ่งของสุริยะระบบเท่านั้นเอง

เพื่อเป็นการรำลึกถึงความสำคัญของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสี่ศตวรรษก่อน สหประชาชาติจึงได้กำหนดให้ปี ค.ศ. 2009 เป็นปีสากลแห่งดาราศาสตร์ที่โลกจะจัดงานเฉลิมฉลองการใช้กล้องโทรทรรศน์ปฏิวัติความเข้าใจและความรู้ของมนุษย์ด้านที่เกี่ยวกับเอกภพ

ประวัติศาสตร์ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่า ใครคือบุคคลแรกที่ประดิษฐ์กล้องโทรทรรศน์ แต่ก็ได้พบบันทึกว่า ยุโรปในสมัยเมื่อ 400 ปีก่อน มีอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ชนิดหนึ่งซึ่งประกอบด้วยท่อทรงกระบอกยาว และมีเลนส์ติดที่ปลายทั้งสองข้างเป็นเลนส์นูนกับเลนส์เว้า ความอัศจรรย์ของท่ออยู่ตรงที่เวลาคนดูใช้กล้องส่องไปรอบตัว เขาจะเห็นภาพของวัตถุปรากฏเข้ามาใกล้อย่างน่าประหลาดใจ และมีนักประดิษฐ์ชาวเนเธอร์แลนด์คนหนึ่งชื่อ Hans Lippershey แห่งเมือง Middelburg ซึ่งได้ขอจดทะเบียนลิขสิทธิ์ของสิ่งประดิษฐ์นี้เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2151 แต่เจ้าหน้าที่ของสำนักงานสิทธิบัตรปฏิเสธการให้สิทธิบัตร โดยอ้างว่า สิ่งที่ Lippershey สร้าง ไม่มีอะไรแปลกใหม่ เพราะใครๆ ก็ใช้กล้องชนิดนี้กันมานานแล้วในลักษณะเป็นกล้องสอดแนม

แต่เมื่อถึงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2152 คืออีก 14 เดือนต่อมา ศาสตราจารย์คณิตศาสตร์ชาวอิตาเลียน แห่งมหาวิทยาลัย Padua ชื่อ Galileo Galilei ก็ได้ใช้กล้องสอดแนมนี้ดูดาวบนท้องฟ้า ในบทบาทนี้อุปกรณ์เด็กเล่นจึงได้กลายเป็นกล้องโทรทรรศน์ทันที เมื่อถึงเดือนมกราคม พ.ศ. 2153 Galileo ก็ได้เห็นดาวบริวารสี่ดวงของดาวพฤหัสบดี (Johannes Kepler ผู้เป็นนักดาราศาสตร์ร่วมรุ่นกับ Galileo คือบุคคลแรกที่เรียกดาวบริวารเหล่านั้น ว่า ดวงจันทร์) ดังนั้น Galileo จึงเป็นมนุษย์คนแรกที่เห็นดวงจันทร์นอกเหนือจากดวงจันทร์ของโลก และในปลายปี พ.ศ. 2153 Galileo ก็ได้เห็นปรากฏการณ์ข้างขึ้นข้างแรมของดาวศุกร์อีก ซึ่งการเห็นเหตุการณ์ “ประหลาดเหลือเชื่อ” เหล่านี้ ล้วนขัดแย้งกับความเชื่อของสังคมและคำสอนของสถาบันศาสนา อย่างรุนแรง

หากมองย้อนไปเมื่อ 2350 ปีก่อน Aristotle ผู้เป็นนักปราชญ์กรีกได้เคยสอนว่า โลกประกอบด้วยธาตุ 4 ธาตุคือ ดิน น้ำ ลม และไฟ ส่วนสวรรค์นั้นคือที่พำนักของพระเจ้า และเทพยดา เมื่อถึงสมัยของ Ptolemy (ประมาณ 1,800 ปีก่อน) ผู้เป็นนักดาราศาสตร์ชาวอิยิปต์ที่ได้แถลงว่า โลกคือศูนย์กลางของเอกภพที่ดาวทุกดวงต่างก็โคจรไปรอบ ๆ และโลกอยู่นิ่ง แต่เมื่อถึงปี พ.ศ.2086 Nicolaus Copernicus ได้เรียบเรียงตำราเล่มหนึ่งชื่อ On the Revolutions of the Heavenly Spheres ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ดวงอาทิตย์ต่างหากที่เป็นศูนย์กลางของเอกภพ แต่ก็ไม่มีใครเชื่อเรื่องนี้ เพราะทุกคนคิดว่าถ้าโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์จริง ดวงจันทร์จะติดตามไปเป็นบริวารโลกได้อย่างไร และถ้าโลกหมุนรอบตัวเองจริง แล้วทำไมสิ่งต่างๆ บนโลกจึงไม่หลุดกระเด็นจากโลก คำถามเหล่านี้เป็นปริศนาที่ทฤษฎีของ Copernicus ไม่มีคำตอบ ดังนั้นทฤษฎีของเขาจึงไม่เป็นที่ยอมรับ

จนกระทั่งถึงยุคของ Tycho Brahe ผู้เป็นนักดาราศาสตร์ชาวเดนมาร์กที่ยิ่งใหญ่เทียบเท่า Aristarchus ในสมัยกรีกโบราณ ซึ่งได้ถือกำเนิดเมื่อปี 2089 และ Tycho มีความสามารถในการสังเกตและวัดตำแหน่งของดาวต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ จนกษัตริย์แห่งเดนมาร์กทรงโปรดปรานมาก จึงทรงสร้างหอดูดาวให้ Tycho Brahe วัย 30 ปี ทำงานที่เกาะ Hven ซึ่งอยู่ในทะเล Baltic หอดูดาวนี้มีมูลค่าเท่ากับทองคำหนัก 1 ตัน และ Tycho ก็ได้สร้างบ้านให้ชาวเกาะเช่า เพื่อหาเงินมาใช้ในงานดาราศาสตร์ของตน โดยได้ตั้งเงื่อนไขว่า ใครที่ไม่จ่ายค่าเช่าจะต้องถูกจับขัง ในที่สุดชาวเกาะพากันเดือดร้อนมาก จึงได้ถวายฎีกาต่อกษัตริย์ เหตุการณ์ นี้ทำให้กษัตริย์ทรงระงับการอุปถัมถ์ Tycho ทันที และ Tycho ผู้มีข้อมูลดาราศาสตร์ที่สมบูรณ์ที่สุดในสมัยนั้น จึงได้อพยพไป Prague โดยมี Johannes Kepler ผู้เป็นนักดาราศาสตร์หนุ่มชาวเยอรมันที่มาช่วยได้ติดตามไปด้วย ประสบการณ์ดูดาวเป็นเวลานานร่วม 20 ปีของ Tycho ทำให้เขาเชื่อว่า โลกเป็นศูนย์กลางของเอกภพ และความคิดเอง Copernicus เหลวไหล Tycho เชื่อเช่นนี้จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในปี 2144 และ Kepler ก็ได้นำข้อมูลตำแหน่งของดาวอังคารที่ Tycho วัดได้มาเปรียบเทียบกับดาวอังคารที่เขาเห็น

(อ่านต่ออังคารหน้า)

สุทัศน์ ยกส้าน เมธีวิจัยอาวุโส สกว.
กล้องโทรทรรศน์ของ Galileo
ภาพร่างของดวงจันทร์ที่ Galileo เห็น
บันทึกการเห็นดวงจันทร์ของดาวพฤหัสบดีในเดือนมกราคม 2153 ภาพบนปรากฏในหนังสือต้นฉบับซึ่งขณะนี้อยู่ที่มหาวิทยาลัย Michigan ภาพล่างเป็นคำแปลจากภาษาอิตาเลียน
กำลังโหลดความคิดเห็น