xs
xsm
sm
md
lg

สมเด็จพระเทพฯ ทรงเปิดศูนย์บริการสารสนเทศดาราศาสตร์บนดอยอินทนนท์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สมเด็จพระเทพเสด็จทรงเปิดอาคารสารสนเทศฯ และทอดพระเนตรนิทรรศการดาราศาสตร์
สมเด็จพระเทพฯ ทรงเปิดศูนย์บริการสารสนเทศดาราศาสตร์ ของสถาบันดาราศาสตร์แห่งชาติ บนดอยอินทนนท์ และเสด็จทอดพระเนตรสถานที่ตั้งหอดูดาวแห่งชาติ ในพื้นที่ของทีโอที ด้านผู้บริหาร สดร.ระบุจากนี้เปิดใช้งานศูนย์เพื่อบริการข้อมูลวิจัยและดาราศาสตร์ได้ 60% และสมบูรณ์เต็มที่ มี.ค.53

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดอาคาร "ศูนย์บริการสารสนเทศและฝึกอบรมทางดาราศาสตร์” เมื่อบ่ายวันที่ 20 ม.ค.52 ณ บริเวณสำนักงานอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ โดย ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.), รศ.บุญรักษา สุนทรธรรม ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) พร้อมคณะ เฝ้าฯ รับเสด็จ

ทั้งนี้ ดร.คุณหญิงกัลยา ได้กราบบังคมทูลรายงาน ความเป็นมาของศูนย์บริการสารสนเทศฯ ว่า การจัดตั้งศูนย์บริการสารสนเทศและฝึกอบรมทางดาราศาสตร์ เป็นภารกิจสำคัญภารกิจหนึ่งของสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อเป็นศูนย์ควบคุมและรับข้อมูลจากกล้องโทรทรรศน์ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2.4 เมตร ของหอดูดาวแห่งชาติที่กำลังจะดำเนินการก่อสร้าง ณ บริเวณสถานีถ่ายทอดสัญญาณ ทีโอที กิโลเมตรที่ 44 อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์

ทั้งนี้ ในส่วนของหอดูดาวแห่งชาตินั้น คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จพร้อมติดตั้งกล้องโทรทรรศน์เส้นผ่านศูนย์กลาง 2.4 เมตรได้ในปลายปี 2552 และให้บริการงานวิจัยและวิชาการแก่ชุมชนได้ในต้นปี 2553

จากนั้นสมเด็จพระเทพฯ เสด็จทรงเปิดแพรคลุมป้าย "อาคารบริการสารสนเทศและฝึกอบรมทางดาราศาสตร์” และทรงพระราชทานของที่ระลึก แก่ผู้มีรายชื่อตามรายงานกราบบังคมทูลโดย รศ.บุญรักษา สุนทรธรรม ผอ.สดร. แล้วเสด็จทอดพระเนตรนิทรรศการภายในอาคารศูนย์บริการสารสนเทศฯ

เมื่อฉายพระรูปร่วมกับผู้บริหารและบุคลากรของสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ และทรงลงพระนามาภิไธยในสมุดที่ระลึกแล้ว สมเด็จพระเทพฯ ได้เสด็จฯ ประทับรถยนต์พระที่นั่ง ไปยังสถานีทวนสัญญาณ ทีโอที ดอยอินทนนท์ บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 44 ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับก่อสร้างหอดูดาวแห่งชาติ

ทั้งนี้ ดร.ศรันย์ โปษยะจินดา รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ได้กราบบังคมทูลรายงาน เรื่องสภาพท้องฟ้าบริเวณสถานีทวนสัญญาณ ทีโอที และความเหมาะสมของพื้นที่ ในการก่อสร้างหอดูดาวแห่งชาติ จากนั้นได้ทอดพระเนตรนิทรรศการความก้าวหน้าของการก่อสร้างหอดูดาวแห่งชาติ และทรงปลูกต้นกุหลาบพันปี แล้วเสด็จฯ ประทับรถยนต์พระที่นั่ง ไปยังดอยอ่างกา อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์

ระหว่างนั้น รศ.บุญรักษา ได้ให้สัมภาษณ์แก่ทีมข่าววิทยาศาสตร์ "ASTV-ผู้จัดการออนไลน์" ว่า เป็นวันสำคัญต่อสถาบันอย่างยิ่งในโอกาสที่สมเด็จพระเทพฯ เสด็จฯ ทรงเปิดศูนย์บริการสารสนเทศฯ

รศ.บุญรักษากล่าวว่า แม้หอดูดาวแห่งชาติจะยังไม่แล้วเสร็จ แต่ก็สามารถใช้งานอาคารสารสนเทศได้ประมาณ 60% เพื่อเป็นศูนย์ข้อมูลดาราศาสตร์และการให้บริการทางด้านวิชาการ โดยสถาบันกำลังดำเนินการติดต่อข้อใช้ข้อมูลดาราศาสตร์จากหอดูดาวใหญ่ๆ ทั่วโลก และที่ประสานงานแล้วคือมหาวิทยาลัยเลสเตอร์ (Leicester University) สหราชอาณาจักร ซึ่งมีฐานข้อมูลทางด้านดาราศาสตร์ขนาดใหญ่ และต่อไปอาจจะได้ประสานกับทางองค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) ด้วย

“ตอนนี้ทั้งกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และบริษัท ทีโอที จำกัด อนุญาตให้เราใช้พื้นที่ได้แล้ว แต่ยังต้องรอให้รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมผ่านเสียก่อน ทั้งจะใช้งานศูนย์สารสนเทศควบคู่ไปกับหอดูดาวแห่งชาติได้สมบูรณ์เต็มที่ มี.ค.53 โดยจะติดตั้งหอดูดาวในปลายปีนี้” รศ.บุญรักษากล่าว

ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์ฯ ระบุว่า จะเผยแพร่ข้อมูลจากหอดูดาวผ่านระบบใยแก้วนำแสง ไปยังสถาบันการศึกษา 24 แห่งที่มีความตกลงร่วมมือกัน และหอดูดาวภูมิภาคซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการศึกษาในการก่อตั้ง รวมถึงส่งตรงถึงศูนย์สารสนเทศ ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่ข้อมูลของหอดูดาวแห่งชาติต่อไป

“ปีนี้ซึ่งเป็นปีดาราศาสตร์สากลนั้น นับเป็นปีที่มีความสำคัญต่อสถาบันดาราศาสตร์อย่างยิ่ง เพราะเมื่อวันที่ 1 ม.ค.52 ที่ผ่านมา เราได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์การมหาชน ซึ่งจะทำให้เราสามารถดำเนินงานได้อย่างเต็มรูปแบบ และยังมีการเปิดศูนย์สารสนเทศ ซึ่งจะเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลดาราศาสตร์ของประเทศ และเป็นศูนย์ฝึกอบรมครู เป็นค่ายให้กับนักเรียน และเป็นศูนย์เชื่อมโยงหอดูดาวแห่งชาติที่ กม.44 เพื่อเผยแพร่ข้อมูลไปทั่วประเทศ" รศ.บุญรักษากล่าว

ในส่วนของ ดร.คุณหญิงกัลยา ยังได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมแก่ทีมข่าววิทยาศาสตร์ "ASTV-ผู้จัดการออนไลน์” ว่า หอดูดาวแห่งชาติซึ่งจะก่อสร้างในสิ้นปี 2552 นี้ จะเป็นหอดูดาวที่มีกล้องโทรทรรศน์ขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย และอาคารสารสนเทศที่เริ่มเปิดใช้งานแล้วนี้ จะเป็นศูนย์ที่สามารถรับ-ส่งข้อมูลดาราศาสตร์ได้ทั่วโลก อีกทั้งยังจะเป็นจุดเด่นที่จะชูเรื่องการท่องเที่ยวบนดอยอินทนนท์ต่อไปได้

ส่วนเรื่องความกังวลทางด้านสิ่งแวดล้อมนั้น รัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ แจงว่า ทางสถาบันได้ศึกษาผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมก่อนก่อตั้ง และการก่อสร้างหอดูดาวก็ใช้พื้นที่เพียง 3 ไร่ โดยไม่มีการตัดต้นไม้เพิ่ม ทั้งนี้เนื่องจากอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ A1 ซึ่งไม่ควรก่อสร้างโดยไม่จำเป็น และคนที่จะขึ้นไปดูดาวก็อยู่ที่บริเวณ กม.31 ซึ่งเป็นพื้นที่ให้บริการนักท่องเที่ยวของอุทยานฯ อยู่แล้ว

สำหรับศูนย์บริการสารสนเทศฯ ได้รับการอนุญาตก่อสร้างบริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ กิโลเมตรที่ 31 จากกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และดำเนิการแล้วเสร็จเมื่อเดือน ก.ย.51 ซึ่งศูนย์ดังกล่าวจะเป็นศูนย์การควบคุมและรับข้อมูลจากกล้องโทรทรรศน์เส้นผ่านศูนย์กลาง 2.4 เมตรของหอดูดาวแห่งชาติที่จะก่อสร้างปลายปีนี้ และเป็นศูนย์บริการการวิจัยแก่นักดาราศาสตร์ ศูนย์บริการข้อมูลดาราศาสตร์แก่ประชาชน และเป็นศูนย์ฝึกอบรมดาราศาสตร์แก่ครู นักเรียน นักศึกษาและผู้สนใจทั่วไป

สมเด็จพระเทพเสด็จทอดพระเนตรสถานที่ตั้งหอดูดาวแห่งชาติ ณ สถานีทวนสัญญาณทีโอที กม.44 อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ โดยมี ดร.ศรันย์ โปษยะจินดา ถวายรายงานเรื่องสภาพท้องฟ้าและความเหมาะสมของพื้นที่ก่อสร้างหอดูดาวแห่งชาติ
สมเด็จพระเทพ เสด็จทอดพระเนตรสถานที่ตั้งหอดูดาวแห่งชาติ ณ สถานีทวนสัญญาณทีโอที กม.44 อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ โดยมี ดร.ศรันย์ โปษยะจินดา ถวายรายงานเรื่องสภาพท้องฟ้าและความเหมาะสมของพื้นที่ก่อสร้างหอดูดาวแห่ง ชาติ โดย สดร.ได้ปักหลักแสดงพื้นที่ก่อสร้างหอดูดาว
กำลังโหลดความคิดเห็น