xs
xsm
sm
md
lg

พลิกเศษไหมไร้ค่าเป็นผงไหมมีราคา เพิ่มมูลค่าของเหลือทิ้งในท้องถิ่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายประทีป มีศิลป์ (ซ้ายสุด) และคณะนักวิจัยผงไหมซิริซิน
สถาบันหม่อนไหมแห่งชาติฯ แปรรูปเศษไหมไร้ราคา เป็นผงไหมซิริซินที่มีมูลค่ามหาศาล เป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอางราคาแพง ช่วยให้ความชุ่มชื้น ต้านแบคทีเรีย หรือทำผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ฟื้นฟูความจำ ป้องกันโรคหลอดเลือดในสมอง

นายประทีป มีศิลป์ ผู้อำนวยการสถาบันหม่อนไหมแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และคณะคิดค้นวิธีสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศษไหมเหลือทิ้งได้ โดยการผลิตเป็นผงไหมและใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง และเตรียมต่อยอดเป็นอาหารเสริมและยาที่มีฤทธิ์ช่วยฟื้นฟูความจำและรักษาอาการเส้นเลือดในสมอง

"ในแต่ละปีประเทศไทยผลิตเส้นไหมได้ประมาณ 1,500 ตัน โดยมีเศษไหมเหลือทิ้งไม่ต่ำกว่า 200 ตัน ซึ่งสามารถสกัดเอากาวไหมหรือซิริซิน (sericin) มาทำเป็นผงไหมสำหรับใช้ประโยชน์ได้หลายด้าน ทั้งเครื่องสำอาง อาหาร และวัสดุทางการแพทย์ได้ เนื่องจากผงไหมมีคุณสมบัติเด่นในการให้ความชุ่มชื้น ลดการอักเสบ และมีโปรตีนสูง ประกอบด้วยกรดอะมิโนมากถึง 18 ชนิด ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่า" นายประทีป กล่าวกับทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV ผู้จัดการ

ผอ.สถาบันหม่อนไหมแห่งชาติฯ อธิบายว่าวิธีการทำผงไหม เริ่มจากนำเศษไหมมาต้มในเครื่องนึ่งความดันไอน้ำที่อุณหภูมิ 120 องศาเซลเซียส ประมาณ 10 นาที จะได้สารละลายซิริซิน จากนั้นนำไปทำให้แห้งและเป็นผงด้วยเครื่องพ่นลมร้อน แล้วทำให้ปลอดเชื้อโดยการฉายรังสีแกรมมา จะได้ผงไหมพร้อมสำหรับนำไปใช้ประโยชน์ เช่น ใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง

ทั้งนี้ ยังสามารถผลิตผงไหมซิริซินได้จากกระบวนการฟอกเส้นไหม ก่อนนำไปย้อมสีด้วยวิธีการเดียวกัน ซึ่งจะได้ซิริซินออกมาประมาณ 30% ซึ่งในการวิจัยเพิ่มมูลค่าเศษไหมเหลือทิ้งนี้ทางสถาบันหม่อนไหมแห่งชาติฯ ได้ร่วมกับสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (สทน.) และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีในการผลิตเครื่องสำอางจากผงไหมให้กับบริษัท แก้วหลวง จำกัด และได้รับรางวัลชมเชยในการประกวดผลงานประดิษฐ์คิดค้น ประจำปี 2552 ด้านเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร จากสภาวิจัยแห่งชาติ

"เศษไหม 1 กิโลกรัม จะผลิตผงไหมซิริซินได้ประมาณ 300 กรัม โดยผงไหมสามารถขายได้ราคามากถึงกิโลกรัมละ 20,000 บาท และหากนำผงไหมไปทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ จะเพิ่มมูลค่าได้อีก 5-10 เท่า ซึ่งแต่เดิมชาวบ้านจะขายเศษไหมกิโลกรัมละ 20 บาท แต่เมื่อชาวบ้านได้รู้ถึงคุณประโยชน์ของเศษไหม ทำให้เขาสามารถขายเศษไหมได้ในราคาสูงขึ้นกว่าเดิมกิโลกรัมละไม่ต่ำกว่า 200 บาท แต่หากจะผลิตผงไหมจำหน่าย จะต้องมีกระบวนการควบคุมคุณภาพด้วย" นายประทีป กล่าว

นอกจากนี้ ทีมวิจัยยังได้ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาศาสตร์ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากผงไหม ซึ่งจากการทดสอบเบื้องต้นในสัตว์ทดลองพบว่าผงไหมมีฤทธิ์ช่วยฟื้นฟูความจำ และช่วยรักษาโรคหลอดเลือดในสมองได้ ซึ่งกำลังจะเตรียมทดสอบในคนเร็วๆ นี้
เศษไหมที่เหลือจากการสาวไหม ส่วนใหญ่ถูกทิ้งไปโดยไม่ได้ใช้ประโยชน์
ปัจจุบันสามารถนำเศษไหมมาผลิตเป็นผงไหมที่มีมูลค่าสูง สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ทั้งเป็นอาหาร วัสดุทางการแพทย์ หรือเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง
กำลังโหลดความคิดเห็น