คืนวันพระจันทร์เต็มดวงที่ 12 ธ.ค.นี้ เป็นคืนที่เราจะได้เห็นจันทร์เต็มดวงโตที่สุดและสว่างที่สุดในรอบปี แม้จันทร์จะโตไม่พอให้มองเห็นรอยเท้าของ "นีล อาร์มสตรอง" แต่นาซาก็เชิญชวนให้ทุกคนออกไปชมปรากฏการณ์พิเศษนี้ โดยเฉพาะช่วงจันทร์อยู่ใกล้ขอบฟ้า
องค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) ชวนชมปรากฏการณ์จันทร์เต็มดวงคืนวันที่ 12 ธ.ค.51 นี้ ที่จะเห็นเป็นดวงโตและสว่างที่สุดในรอบปีนี้ โดยเราเห็นปรากฏการณ์ดังกล่าวได้เพราะดวงจันทร์โคจรเป็นรูปวงรี ทำให้มีด้านที่อยู่ใกล้โลกมากกว่าด้านอื่นๆ 50,000 กิโลเมตร ซึ่งในภาษาของนักดาราศาสตร์ ด้านที่อยู่ไกลสุดคือ "อะโพจี" (apogee) และด้านที่ใกล้สุดคือ "เพริจี" (perigee)
ในคืนวันศุกร์นี้ดวงจันทร์จะอยู่ในตำแหน่งเพริจี ซึ่งส่งผลให้ดวงจันทร์ในคืนปลายสัปดาห์ดูใหญ่กว่าจันทร์เต็มดวงเมื่อช่วงต้นปี ถึง 14 % และสว่างมากกว่า 30%
แต่เราจะบอกความแตกต่างของดวงจันทร์ดวงกลมๆ ที่ใหญ่ขึ้นได้หรือไม่? แน่นอนว่าไม่มีไม้บรรทัดลอยกลางอากาศให้เราวัดขนาดของดวงจันทคร์ที่ใหญ่ และบนฟ้าก็ไม่มีจุดให้เปรียบเทียบ ดังนั้นจันทร์เต็มดวงครั้งนี้ก็คงเหมือนกับทุกๆ ครั้ง แ
นาซาแนะนำว่าช่วงเวลาดีที่สุดที่จะชมดวงจันทร์คือ ช่วงเวลาที่ดวงจันทร์อยู่ใกล้ขอบฟ้า เมื่อภาพจริงผสานกับภาพมายา สิ่งที่เราคือภาพที่ชวนตะลึงงัน ทั้งนี้นักดาราศาสตร์หรือแม้กระทั่งนักจิตวิทยาก็ยังไม่เข้าใจเหตุผลแน่ชัดนัก ที่ดวงจันทร์จะดูใหญ่กว่าปกติเมื่อฉายแสงทาบต้นไม้ อาคารเรือนและทัศนียภาพที่อยู่เบื้องหน้าของดวงจันทร์
อย่างไรก็ดี สำหรับคนที่คาดหวังว่าจะได้มองเห็นรอยเท้าของ "นีล อาร์มสตรอง" (Neil Armstrong) คงจะต้องผิดหวังเพราะดวงจันทร์ที่อยู่ใกล้จากโลกโดยเฉลี่ย 384,400 กิโลเมตร อันเป็นระยะที่แม้แต่กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล (Hubble) ซึ่งออกไปโคจรรอบโลกบันทึกความแตกต่างได้เพียงแค่ 60 เมตรเท่านั้น แต่ของชิ้นใหญ่สุดที่ยานอะพอลโล (Apollo) ทิ้งไว้บนดวงจันทร์มีขนาดเพียง 9 เมตร ซึ่งเมื่อบันทึกด้วยกล้องฮับเบิลจะเห็นเป็นจุดเล็กกว่าความละเอียด 1 พิกเซลเสียอีก
หากแต่สิ่งที่จะเห็นพิเศษสุดคือบรรยากาศรอบๆ ตัวเราที่ทุกอย่างจะสว่างไสวที่สุดจากแสงจันทร์ ส่วนผู้คนในซีกโลกเหนือยังได้เห็นสิ่งที่พิเศษอีกอย่างคือ ตำแหน่งของดวงจันทร์เต็มดวงอยู่ที่สูงสุดในรอบปี และรอบตัวจะยิ่งสว่างมากขึ้น หากเต็มไปด้วยหิมะ
ผลพวงจากตำแหน่งของดวงจันทร์ที่อยู่ใกล้โลกนี้ทำให้เกิดปรากฏการณ์น้ำขึ้น แต่ไม่มีอะไรน่ากังวลนัก เพราะแรงดึงดูดจากดวงจันทร์จะทำให้ระดับน้ำสูงขึ้นกว่าปกติไม่กี่เซนติเมตร และสภาพภูมิประเทศจะขยายผลของปรากฏการณ์น้ำขึ้นไปถึงแค่ 15 เซนติเมตรเท่านั้น ซึ่งนาซาระบุว่าไม่ถึงขั้นทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่แต่อย่างใด