เมื่อคนถูกฆ่าไปแล้วถึง 4 ศพ แต่ตำรวจก็ยังจับมือใครดมไม่ได้ ดังนั้น สถาบันตำรวจจึงถูกกดดัน และบีบคั้นอย่างหนักให้หาฆาตกรให้ได้ก่อนศพรายต่อไปจะปรากฏ เมื่อบรรยากาศความกลัวได้เข้าครอบครอง ชาวลอนดอนจึงจับกลุ่มสนทนา และสันนิษฐานต่างๆ นานา เช่น ฆาตกรเป็นแพทย์ที่วิกลจริต เป็นคนยิว เป็นชาวโปแลนด์โรคจิต เป็นตำรวจลับของจักรพรรดิซาร์แห่งรัสเซีย เป็นคนที่เกลียดชังโสเภณีอย่างเข้ากระดูกดำ เป็นนายพรานล่าสัตว์ เป็นราชนิกุล ฯลฯ จึงมีการจับกุมคนที่ต้องสงสัยมาสอบถามมากมาย แต่ก็ต้องปล่อยไป เมื่อทางการไม่มีหลักฐานที่แน่นหนาและเพียงพอ
เมื่อถึงยามดึกของคืนวันที่ 9 พฤศจิกายน ฆาตกร Ripper ก็ลงมืออีก เหยื่อคราวนี้ชื่อ Mary Kelly (ชื่อทำงานว่า Jane) เธอเป็นหญิงวัย 25 ปี และชายชื่อ George Hutchinson ได้เห็นเธอมีชีวิตเป็นคนสุดท้าย โดยเขาได้แจ้งตำรวจว่า Jane ได้เข้ามาขอเงินจากเขาเพื่อเอาไปจ่ายค่าเช่าห้องที่เธอเช่าอยู่ ที่บ้านเลขที่ 13 Miller’s Court เมื่อเขายื่นเงินให้เธอแล้ว เธอก็เดินจากไป และเขาได้เห็นชายร่างเล็กคนหนึ่งซึ่งแต่งตัวดี มีหนวด และสวมหมวก เดินคู่ไปกับเธอ และในตอนเช้าของวันต่อมา ก็มีคนพบศพของเธอที่ห้องพัก ศพอยู่ในภาพถูกหั่น หนังถูกถลก ตับไตถูกคว้านออก หัวใจถูกกรีด อวัยวะบางส่วนหายไปเหมือนถูกกิน และเลือดนองท่วมห้อง
Mary Kelly เป็นเหยื่อคนสุดท้ายของ Jack the Ripper เพราะตั้งแต่นั้นมา ไม่มีโสเภณีใดถูกฆ่าในลักษณะที่ทารุณมากเช่นนั้นอีกเลย และไม่มีการจับกุมฆาตกรสยองขวัญคนนี้ได้ ถึงกระนั้นการสอบสวนโดยตำรวจและนักสืบของ Scolland Yard ก็ได้ข้อมูลว่า ทันทีที่มีผู้พบศพ เสียงตะโกนด้วยความตกใจทำให้คนแถบนั้นเข้ามุงและฆาตกรอาจใช้เวลานั้นแฝงตัวเป็นหนึ่งในฝูงคนก็ได้ ข้อสังเกตอีกประเด็นหนึ่งก็คือ ฆาตกรคงมีฐานะพอสมควร เพราะถ้ายากจนเขาคงไม่ได้รับการศึกษาด้านสรีรวิทยา แต่ถ้าเป็นคนร่ำรวยแล้วเหตุใดคนยากจนแถวนั้นจึงไม่สังเกตเห็น และเมื่อการชำแหละศพต้องใช้เวลานานเป็นชั่วโมง แล้วเหตุใดจึงไม่มีใครเห็น จะอย่างไรก็ตาม หลังจากที่ Mary Kelly ตายไป 3 เดือน ตำรวจก็ได้สั่งปิดคดีนี้ เพราะจับฆาตกรตัวจริงไม่ได้
แต่ถ้าพูดถึงคนที่ต้องสงสัยแล้วมีเป็นร้อยคน เช่น เจ้าชาย Albert Victor ผู้เป็นพระนัดดาในสมเด็จพระราชินี Queen Victoria เพราะทรงเชี่ยวชาญเรื่องการชำแหละศพ จากการโปรดการล่าสัตว์ในเวลากลางคืน แต่ข้อสันนิษฐานนี้ก็ตกไป เพราะระหว่างมีการฆาตกรรม พระองค์มิได้ประทับในลอนดอน
ด้าน Damiel Farson นักจัดรายการวิทยุได้ตั้งข้อสังเกตว่า มีคนที่ต้องสงสัยว่าเป็น Jack the Ripper 3 คน คือ Michael Ostrog ผู้เป็นแพทย์ชาวรัสเซีย หรือ Aaron Kosminski ผู้เป็นช่างตัดผมเชื้อสายยิว ชาวโปแลนด์ ที่มีจิตวิปริต แต่เมื่อชาวโปแลนด์เชื้อสายยิวด้วยกันปกป้องโดยไม่ออกมาให้การใดๆ การตั้งข้อกล่าวหาจึงไม่มี ถึงอย่างไรก็ตามในปี 2462 Kosminski ก็ได้เสียชีวิตลงที่โรงพยาบาลโรคจิต
ส่วนคนที่สามที่ต้องสงสัยชื่อ Montague John Druitt ซึ่งเป็นนักกฎหมายที่มีความรู้ด้านแพทยศาสตร์ดี และเมื่อศึกษาประวัติของครอบครัว Druitt แล้วพบว่า แม่ของ Druitt เป็นคนวิกลจริต และ Druitt เองก็กลัวตนจะเสียสติด้วย แต่ Druitt ก็ไม่ถูกจับกุมและในเวลาต่อมา เขาถูกไล่ออกจากงานที่โรงเรียน Black Health แล้วหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็สาบสูญไป จนกระทั่งวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2431 ก็มีคนพบศพของเขาลอยอยู่ในแม่น้ำ Thames ตำรวจได้ตั้งข้อสันนิษฐานว่า เขาฆ่าตัวตาย เพราะมีอาการซึมเศร้าและกลัวถูกจับกุม หรือเขาถูกคนอื่นฆ่า เมื่อไม่มีความคืบหน้าในเรื่องนี้ตำรวจจึงปิดคดีอีก
นอกจากนี้ก็มีชื่อผู้ต้องสงสัยอีกหลายคน เช่น จิตรกรชื่อ Walter Sickert พ่อค้าชาว Liverpool ชื่อ James Maybrick และหมออเมริกันชื่อ Francis Tumblety เป็นต้น แต่ทุกคนก็มีหลักฐานที่แสดงว่าตนมิใช่ Jack the Ripper ตัวจริง
ความลึกลับเกี่ยวกับฆาตกรยังคงมีมาจนกระทั่งถึงวันนี้ เช่นในระหว่างปี 2533 - 2542 ได้มีหนังสือเกี่ยวกับ Jack the Ripper จัดพิมพ์ออกมาร่วม 39 เล่ม ในอังกฤษมีนิตยสาร 2 ฉบับที่รายงานเรื่องนี้โดยเฉพาะชื่อ The Ripperologist และ Ripperama ในอเมริกาก็มีสมาคม The Cloak and Dagger Club ซึ่งมีสมาชิก 220 คน และสมาคมจัดให้มีการบรรยายเรื่องฆาตกรรมในการประชุมของสมาคม โดยมี Jack the Ripper เป็นดาราหลัก
สุทัศน์ ยกส้าน เมธีวิจัยอาวุโส สกว.