xs
xsm
sm
md
lg

"เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์" ทรงเตือน "พืชจีเอ็มโอ" จะก่อมหันตภัยเลวร้ายที่สุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ (ภาพจาก APF)
มกุฎราชกุมารแห่งเวลส์ทรงเตือน "พืชจีเอ็มโอ" อาจก่อมหันตภัยใหญ่หลวง ชนิดที่ไม่เคยประสบกันมาก่อนแก่โลก และทรงเป็นห่วงเกษตรกรรายย่อย เมื่อต้องใช้เมล็ดพันธุ์ตัดต่อ อาจต้องรับเคราะห์ เพราะโดนบริษัทยักษ์ใหญ่แย่งที่ดินทำกิน และครอบครองพื้นที่เกษตรกรรมแต่เพียงผู้เดียว

หนังสือพิมพ์เดอะเดลีเทเลกราฟ (The Daily Telegraph) ของอังกฤษ ฉบับวันที่ 13 ส.ค.51 ตีพิมพ์บทสัมภาษณ์พิเศษ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ มกุฎราชกุมารแห่งเวลส์ ซึ่งทรงแสดงความกังวลว่า พืชดัดแปลงพันธุกรรม (จีเอ็มโอ) อาจก่อให้เกิดปัญหา ในเรื่องของความปลอดภัยด้านอาหาร และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างใหญ่หลวง รวมทั้งเป็นการเปิดโอกาสให้บริษัทยักษ์ใหญ่ เข้าครอบครองการทำเกษตรกรรม และสร้างความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรรายย่อยทั่วโลก

ปัจจุบันพืชดัดแปลงพันธุกรรม ได้ถูกพัฒนาขึ้นอย่างมากมาย แพร่หลายทั่วโลก ประกอบกับปัญหาผลผลิตทางการเกษตร ก็ได้รับความเสียหายจากโรค แมลง และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ จนนำไปสู่ความกังวลในเรื่องภาวะขาดแคลนอาหาร ซึ่งก็เริ่มมีสัญญาณจากราคาผลิตผลทางการเกษตร ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงเป็นห่วงว่า หากยังคงแก้ปัญหาดังกล่าว ด้วยการโดยใช้พืชจีเอ็มโอ อาจทำให้เกิดมหันตภัยใหญ่หลวง ต่อสิ่งแวดล้อมได้ในอนาคต และหากการผลิตอาหาร ยังอยู่ในครอบครองของบริษัทยักษ์ใหญ่ข้ามชาติ แต่เพียงผู้เดียว ก็จะทำให้เกิดหายนะโดยสมบูรณ์แบบ

อีกทั้ง การทดลองโครงการใหญ่ๆ โดยใช้ธรรมชาติและมนุษย์เป็นเครื่องมือ ถือเป็นการทดลองที่เดินผิดทางอย่างร้ายแรง

"ตอนนี้เราควรจะมาพูดกัน ถึงเรื่องความปลอดภัยของอาหาร ไม่ใช่ปริมาณของผลผลิต ซึ่งนั่นเป็นประเด็นที่กำลังเกิดขึ้น และเป็นสิ่งที่ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจ "

มกุราชกุมารวัย 59 พรรษา ยังทรงให้สัมภาษณ์อีกว่า การใช้พืชจีเอ็มโอ จะทำให้เกษตรกรรายย่อย ที่มีอยู่ทั่วโลกต้องตกเป็นเหยื่อของบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่จะเข้าไปควบคุมและครอบครองการผลิตอาหารในภาคเกษตรกรรมเกือบทั้งหมด

"ถ้าพวกเขาคิดว่านี่เป็นวิธีที่ควร เพราะมียีนที่ดี ที่ได้จากการตัดต่อ เห็นทีบทสรุปของพวกเรา ก็คงต้องลงเอยด้วยการที่เกษตรกรรายย่อยหลายล้านคนทั่วโลก ต้องละทิ้งที่ทำกินของพวกเขา และเผชิญหน้ากับสิ่งที่หาความยั่งยืนไม่ได้ อีกทั้งยังเสื่อมถอยลง โดยที่จะไม่สามารถควบคุม และจัดการมันได้โดยง่ายเหมือนแต่ก่อน" เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ตรัส

เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ยังทรงยกตัวอย่างอินเดีย ที่สิ่งแวดล้อมถูกทำลาย จนได้รับความเสียหายในหลายพื้นที่ อันเนื่องมาจากความเร่งรีบ เพิ่มผลผลิตพืชอาหารจีเอ็มโอมากจนเกินไป อีกทั้งการปฏิวัติเขียว (Green Revolution) เพื่อการเกษตรกรรม ในอินเดียที่เป็นผลดี แต่เพียงระยะเวลาสั้นๆ แต่ก็หมดไปแล้ว เพราะเปิดรับพืชจีเอ็มโอ

"ฉันเคยไปที่ปัญจาบมา ที่นั่นคุณจะเห็นถึงความหายนะ ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการการชลประทานที่มากเกิน อันเนื่องมาจากการเพาะปลูกเมล็ดพันธุ์ลูกผสม ที่ต้องการน้ำในปริมาณมากกว่าปกติหลายเท่า ทำให้ต้องประสบกับปัญหาขาดแคลนน้ำ ร่วมกับปัญหาการใช้ยาฆ่าแมลง และอื่นๆ"

"ส่วนในออสเตรเลียทางด้านตะวันตก ต้องประสบกับปัญหาดินเค็มอย่างมาก เนื่องจากว่าเน้นการทำเกษตรกรรมสมัยใหม่ในเชิงรุกมากจนเกินไป" เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงยกตัวอย่าง

นอกจากนี้ ยังทรงให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมอีกว่า ถ้าเราทำการเกษตรโดยไม่ใช้ผู้ช่วยตามธรรมชาติ จะก่อให้เกิดปัญหามากมายเกินกว่าที่เราคาดคิด ซึ่งทั้งยากและใช้งบประมาณสูงมากหากจะแก้ไขให้เหมือนเดิมเมื่อครั้งที่ยังไม่เกิดปัญหา

อย่างไรก็ดี เป็นที่ทราบกันดีว่า มกุฏราชกุมารแห่งเวลส์ทรงให้การสนับสนุนการเกษตรอินทรีย์ ซึ่งคำให้สัมภาษณ์ของพระองค์ต่อเดลี เทเลกราฟ ในครั้งนี้ แสดงพระประสงค์ที่จะต่อต้านการเพาะปลูก และใช้ผลผลิตจากจีเอ็มโอเป็นอาหารโดยตรง.
กำลังโหลดความคิดเห็น