xs
xsm
sm
md
lg

พิสูจน์กับ "พัลซาร์สคู่" ทฤษฎีสัมพัทธภาพของ "ไอน์สไตน์" เป็นจริง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพวาดจากมหาวิทยาลัยแมคกริลล์จำลองพัลซาร์คู่ที่มีสนามโน้มถ่วงสูง ซึ่งเหมาะสำหรับทดสอบทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปของไอน์สไตน์ และนักวิทยาศาสตร์ก็พบว่าคลื่นวิทยุที่ปลดปล่อยออกจากขั้วของพัลซาร์นั้นหมุนช้าลงตามคำทำนายของทฤษฎีไอน์สไตน์
ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป เป็นจริงตามคำทำนายของ "ไอน์สไตน์" เมื่อนักวิทยาศาสตร์อาศัย "พัลซาร์สคู่" ห้องแล็บแห่งอวกาศ พิสูจน์พบสนามโน้มถ่วงความเข้มสูง ส่งผลให้คลื่นวิทยุจากแกนพัลซาร์หมุนช้าลง

นักวิทยาศาสตร์จากภาควิชาฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยแมคกริลล์ (McGill University) เมืองมอนทรีอัล ประเทศแคนาดา พร้อมด้วยนักวิทยาศาสตร์จากนานาชาติ ได้ยืนยันคำพยากรณ์จากทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein) โดยอาศัยการสังเกตระบบพัลซาร์สคู่ที่ชื่อพีเอสอาร์ เจ 0737-3039 เอ/บี (PSR J0737-3039A/B) ซึ่งอยู่ภายในกาแลกซีของเราและห่างจากโลกออกไป 1,700 ปีแสง และทีมวิจัยได้รายงานลงวารสารไซน์ (Science)

ตามรายงานของไซน์เดลีระบุอีกว่า พัลซาร์ส (Pulsars) นั้น เกิดหลังจากดาวตายแล้ว ที่ระเบิดเป็นซูเปอร์โนวา (Supernova) มีขนาดเล็ก มีความหนาแน่นสูง โดยมีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์ แต่มีขนาดเท่าเมืองๆ หนึ่งบนโลกเท่านั้น

ทั้งนี้ พัลซาร์จะหมุนด้วยความเร็วที่ส่ายไปส่ายมา และทำให้เกิดสนามโน้มถ่วงที่มีความเข้มสูง รวมทั้งปลดปล่อยคลื่นวิทยุที่ทรงพลัง ไปตามขั้วแม่เหล็ก ซึ่งเมื่อใช้กล้องโทรทรรศน์วิทยุมองจากโลกจากเห็นคล้ายลำแสงจากประภาคารที่กำลังหมุน

ขณะที่สเปซเดลีรายงานการค้นพบพัลซาร์นั้นเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อ 2510 โดยเป็นการค้นพบซากดาวยักษ์ที่ตายแล้วซึ่งระเบิดกลายเป็นซูเปอร์โนวา และสิ่งที่หลงเหลือจากการระเบิดคือดาวนิวตรอนที่มีความหนาแน่นสูง ซึ่งปลดปล่อยคลื่นวิทยุจากขั้วของดาวซึ่งมีสนามแม่เหล็กความเข้มสูงและกวาดไปรอบๆ ตามการหมุนของดาว โดยมีความถี่หลายร้อยครั้งต่อวินาที

ส่วนพัลซาร์พีเอสอาร์ เจ 0737-3039 เอ/บี นั้นตามรายงานของไซน์เดลีระบุว่าได้รับการค้นพบเมื่อปี 2547 และเป็นระบบพัลซาร์คู่แห่งเดียวที่เรารู้จัก โดยพัลซาร์หนึ่งโคจรรอบพัลซาร์หนึ่งในระยะที่ใกล้กันมาก ซึ่งทั้งคู่เล็กมากพอที่จะจับใส่ดวงอาทิตย์ของเราได้สบาย ทั้งนี้นักวิจัยพบว่ามีพัลซาร์หนึ่งในระบบนี้ที่เกิดกระบวนการตามที่ไอน์สไตน์ทำนายไว้ ซึ่งหากทฤษฎีของไอน์สไตน์ไม่ถูกต้องกระบวนการดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้น

เรเน เบรตัน (Rene Breton) ว่าที่ดุษฎีบัณฑิตทางด้านดาราศาสตร์ฟิสิกส์จากแมคกริลล์ ซึ่งได้ร่วมกับ ดร.วิคทอเรีย แคสไพ (Dr.Victoria Kaspi) จากสถาบันเดียวกัน ที่นำการทดสอบทฤษฎีของไอน์สไตน์ด้วยวิธีใหม่กล่าวว่า พัลซาร์คู่ได้สร้างเงื่อนไขอุดมคติ เพื่อทดสอบคำพยากรณ์ของทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป

เพราะมวลยิ่งมากและใกล้กันเท่าไหร่ก็ส่งผลในเชิงสัมพัทธมากเท่านั้น สอดคล้องกับความเห็นของแคสไพที่ระบุว่า พัลซาร์คู่เป็นสถานที่ดีสุดสำหรับทดสอบทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปในสนามโน้มถ่วงสูง

"ระบบในลักษณะนี้ที่มีวัตถุมวลมาก 2 อันมาอยู่ใกล้กันมากๆ กลายเป็น "ห้องปฏิบัติการแห่งอวกาศ" ซึ่งจำเป็นต่อการทดสอบคำทำนายของไอน์สไตน์" คำกล่าวของแคสไพตามรายงานของสเปซเดลี

ทางด้านลอร์น ทรอทเทียร์ (Lorne Trotteir) ประธานคณะฟิสิกส์ดาราศาสตร์และจักรวาลวิทยา และประธานการวิจัยทางด้านฟิสิกส์ดาราศาสตร์เชิงสังเกตการณ์ของแคนาดาระบุว่า ทฤษฎีของไอน์สไตน์ทำนายว่า ในสนามโน้มถ่วงที่มีความเข้มสูงนั้น แกนหมุนของวัตถุจะเปลี่ยนทิศทางไปช้าๆ ตามการหมุนรอบคู่พัลซาร์ที่อยู่ข้างๆ ซึ่งลักษณะการเคลื่อนที่แบบค่อยๆ เปลี่ยนทิศทางของแกนหมุนนั้น เป็นการเคลื่อนที่ที่เรียกว่า "การหมุนควง" (Precession)

นักวิจัยอธิบายว่า พัลซาร์ดังกล่าวเล็กและไกลเกินกว่าที่จะสังเกตการหมุนได้โดยตรง แต่เร็วๆ นี้นักวิทยาศาสตร์ทราบวิธีที่จะสังเกตโดยอาศัยปรากฏการณ์อุปราคาเมื่อพัลซาร์หนึ่งผ่านหน้าอีกพัลซาร์หนึ่ง เมื่อเกิดปรากฏการณ์ขึ้นจะเกิดการดูดกลืนคลื่นวิทยุระหว่างกันทำให้นักวิทยาศาสตร์ประเมินตำแหน่งการหมุนได้ ซึ่งหลังจาก 4 ปีของการสังเกตทีมนักวิจัยสรุปว่าแกนหมุนมีกระบวนการเหมือนเช่นที่ไอน์สไตน์ทำนาย.
กำลังโหลดความคิดเห็น