ร้อนๆ หนาวๆ อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ถ้าได้น้ำส้มหรือน้ำมะนาวหวานอมเปรี้ยวจิบสักแก้วคงชื่นใจ แต่กว่าจะได้น้ำส้มน้ำมะนาวครั้งละมากๆ ก็ต้องใช้เวลาและแรงงานมากไปด้วย แถมถ้าไม่สะอาด คนดื่มมีหวังได้เข้าโรงหมอแน่ วว.จึงพัฒนา "เครื่องคั้นมะนาว-ส้ม" ขึ้นเพื่อเอาใจผู้ประกอบการร้านอาหาร โรงแรม และเอสเอ็มอีด้านอาหารและเครื่องดื่มโดยเฉพาะ
นายยุทธนา ตันติวิวัฒน์ นักวิจัยฝ่ายวิศวกรรม สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) เท้าความกับผู้จัดการวิทยาศาสตร์ว่า สิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้เกิดจากเมื่อ 3 -4 ปีก่อนที่ประเทศไทยประสบปัญหาขาดแคลนมะนาวมากจนมะนาวมีราคาสูงถึง 4 บาทต่อผล วว.จึงเริ่มทำวิจัยการใช้ประโยชน์จากมะนาวอย่างครบวงจรขึ้น พร้อมสนับสนุนการประดิษฐ์ดังกล่าว ซึ่งมีผลพลอยได้คือใช้คั้นน้ำส้มได้ด้วย
ทั้งนี้ หลังจากวิจัยพัฒนาแบบวิศวกรรมย้อนรอยประมาณ 1 ปี วว.จึงได้ต้นแบบเครื่องคั้นมะนาว/ส้มเป็นผลสำเร็จ โดยคั้นผลส้มและผลมะนาวได้ 4-5 พันผลต่อชั่วโมง ซึ่งเครื่องจะลำเลียงผลส้มและมะนาวไปผ่าซีก คั้นน้ำ และแยกเปลือกเอง ส่วนน้ำที่คั้นได้จะไหลลงสู่ตะแกรงกรองเมล็ดก่อนบรรจุในภาชนะ จึงทุ่นเวลาและแรงงานคนได้มาก
ที่สำคัญยังคั้นน้ำได้อย่างถูกสุขลักษณะ เพราะไม่ต้องสัมผัสกับมือคน โดยวัตถุที่ใช้ทำจากเหล็กกล้าไม่เป็นสนิม และส่วนที่สัมผัสกับอาหารยังทำจากพอลีอะไมด์ (ซุปเปอร์ลีน) เกรดอาหาร
"วัตถุดิบทั้งหมดหาได้ง่ายในประเทศ สามารถถอดล้างและหาอะไหล่มาซ่อมบำรุงรักษาเองได้ เพราะมีส่วนประกอบที่ไม่ซับซ้อน และยังเปลี่ยนหัวคั้นให้มีขนาดเหมาะกับผลส้มหรือผลมะนาวตามต้องการได้ โดยไม่ทำให้น้ำที่คั้นออกมามีรสขมจากเปลือก" นายยุทธนา กล่าว
นักวิจัย เผยอีกว่า เครื่องคั้นน้ำส้มน้ำมะนาวที่ผลิตเองยังมีราคาถูกกว่านำเข้าอย่างเห็นได้ชัด คือมีต้นทุนประมาณ 6 หมื่นบาทต่อเครื่อง เทียบกับที่มีการนำเข้าที่จะมีราคาเครื่องละแสนกว่าบาท แถมเครื่องนำเข้ายังทำจากพลาสติก จึงบอบบางและชำรุดได้ง่ายกว่ามาก เวลานี้ วว.ได้จดสิทธิบัตรแล้ว และได้มีการผลิตเพื่อจำหน่ายแก่ผู้ประกอบการร้านอาหาร โรงแรม ไปแล้วประมาณ 30 เครื่อง
สำหรับเอกชนที่สนใจสามารถติดต่อขอรับการถ่ายทอดเทคโนโลยี "เครื่องคั้นน้ำมะนาว/ส้ม" และติดต่อได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 0-2577-9251 และ 0-2577-9257 และโทรสาร 0-2577-2386 ตามวันและเวลาราชการ ซึ่งผลงานนี้เพิ่งได้รับรางวัลชมเชย สิ่งประดิษฐ์คิดค้นทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประจำปี 2550 โดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) และมูลนิธิธนาคารกรุงเทพ เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา.