∞ สวัสดีวันเสาร์ "ไซน์กระซิบ" กลับมาเม้าท์อย่างเคย แม้จะมีเสียงขู่ฟ่อๆ ที่จะคุกคาม "สื่อผู้จัดการ" เราก็ยังหยั่นเจ้าค่า สัปดาห์นี้ข่าวคราวการค้นพบสิ่งมีชีวิตแปลกๆ มาเพียบ ก็ไม่รู้ว่าที่อยู่ในสภานี้นักวิทยาศาสตร์เขายังค้นไม่พบหรือยังจัดลำดับสปีชีส์ไม่ได้ก็ไม่ทราบนะเจ้าค่ะ ∞
∞ ล่าสุดของการค้นพบสิ่งมีชีวิตที่สร้างชื่อให้ไทยก็คือ "มังกือ" เอ๊ย "กิ้งกือมังกรสีชมพู" ที่ติดอันดับสามของสุดยอดการค้นพบระดับโลก โผเดียวกับสิ่งมีชีวิตชื่อขบขัน "อิเล็กทรอลักซ์ แอดิโซนี" ปลากระเบนไฟฟ้าจากชายฝั่งแอฟริกาใต้ที่ขึ้นแท่นแชมป์การค้นพบตามการจัดอันดับของสถาบันสำรวจสปีชีส์แห่ง "ยูแอริโซนาเสตท" งานนี้ "ดร.สมศักดิ์ ปัญหา" จากรั้วจามจุรีและ "กลุ่มชมรมคนรักกิ้งกือ" รับความดีความชอบไปเต็มๆ ∞
∞ หลายคนที่อ่านข่าวก็วิพากษ์-วิจารณ์กันว่า "เจ้ามังกือ" หน้าตาแบบเนี่ยมีให้เห็นเกลื่อนแถวระแวกบ้าน แต่แหม...เห็นแล้วเฉยๆ ไม่จัดเข้าบัญชีความหลากหลายทางชีวภาพแบบที่นักวิทยาศาสตร์เขาทำจะมีประโยชน์อะไรเจ้าคะ ส่วนใครที่วิงวอนว่าจะอย่าใช้คำว่า "สิ่งมีชีวิตชนิดใหม่" เพราะเป็นมีอยู่แล้วในธรรมชาติแต่เราเพิ่งไปค้นพบ รบกวนทำความเข้าใจนิดดด...นึงนะจ้ะว่า "ใหม่" ในที่นี้คือใหม่ในการรู้จักอย่างเป็นทางการจ้า ∞
∞ สิ่งมีชีวิตแปลกๆ ยังไม่หมดเท่านั้นเจ้าค่า นอกไปจาก "ต้นมิชลินแมน" จากเมืองออสซี่ "ด้วงแรด" ในเปรูที่หน้าตาละม้ายคล้ายด่วงแรดสีฟ้าในภาพยนตร์ "อะ บักส์ ไลฟ์" และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ แล้ว ยังมี "กวางยูนิคอร์น" ที่มี "เขาเดี่ยว" กลางหัวคล้ายสัตว์ในเทพนิยายที่ค้นพบในอิตาลี แต่งานนี้นักวิทยาศาสตร์ระบุว่าเป็นเพราะความผิดปกติทางพันธุกรรม และเป็นไปได้ว่าในอดีตอาจมีสัตว์ที่ผิดปกติเช่นเดียวกันนี้จนกลายเป็นแรงบันดาลและก่อเกิดเป็นจินตนาการในเทพนิยายทั้งหลาย ∞
∞ ไปเป็นวิทยากรให้ความรู้เรื่องนิวเคลียร์ที่ "สมาคมนักข่าว" เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน "ดร.ปรีชา การสุทธิ์" นักนิวเคลียร์อาวุโสของไทยก็เอ่ยปากถามไถ่นักข่าวทั้งฉบับเล็กฉบับใหญ่ว่าเคยไปเห็น "โรงไฟฟ้านิวเคลียร์" ของจริงกันหรือยัง? พร้อมเปรยๆ ว่าหากสนใจก็ฝากรายชื่อไว้จะพาไปดู แหม...อยากนี้เข้าข่ายติดสินบนแบบตีหัวเข้าบ้านหรือเปล่าเจ้าคะ สำหรับ "หนูไซน์ฯ" ถ้าได้ตั๋วเครื่องบิน "สุวรรณภูมิ-กรุงโซล" ไปเดินชมโรงไฟฟ้าพลังงานอะตอมจริงๆ ก็ยังยากที่จะไว้ใจ "วัฒนธรรมแบบไทยๆ" ได้เจ้าค่า ∞
∞ เรื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เนี่ย "คนวงใน" เข้าชอบให้ข้อมูลในทำนองว่าลดโลกร้อน ต้นทุนเชื้อเพลิงต่ำ (แต่มักพูดไม่เต็มคำว่าโรงไฟฟ้าราคาสูงมหาศาลแค่ไหน) และให้พลังงานเหลือเฝือใช้กันพอทั้งประเทศ แต่ช่วยเจาะลึกลงไปถึงการใช้พลังงานอย่างแท้จริงหน่อยเถอะเจ้าค่ะว่า ∞
∞ การบริโภคพลังงานนั้นกระจุกตัวอยู่ที่ไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า ที่ไหนใช้พลังงานฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็น ข้อมูลก็เสนอหลายครั้งว่า 3 ห้างดังกลางกรุงใช้พลังงานมากกว่าชาวแม่ฮ่องสอนทั้งจังหวัดเสียอีก แล้วอย่างนี้ยังจะยัดเยียดความเสี่ยงให้กับชาวชนบทต้องหวาดผวากับการรั่วไหลของรังสีอีกหรือเจ้าค่ะ (ก็รู้ๆ กันอยู่ว่านิสัยไทยๆ น่ะเป็นเยี่ยงไร) ∞
∞ สัปดาห์ก่อน "รมว.วุฒิพงศ์" ไปเยือน "ทีเมค" ศูนย์วิจัยในเครือของ "เนคเทค" ที่นำผลงานวิจัยเด่นๆ จำพวกไมโครอิทรอนิกส์และเซนเซอร์ตรวจวัดสำหรับการเกษตรมาโชว์เพียบ หลังทัวร์ห้องแล็บทีเมคเสร็จแล้วก็ได้เวลาอาหารกลางวันพอดีที่แว่วว่า "ทั่นโก้" เป็นเจ้าภาพมื้อนั้น ไม่ว่าจะเป็นแกงเขียวหวานปลากรายเอย หมูตุ๋นเห็ดหอมเอย ทะเลผัดผงกะหรี่เอย ผักจิ้มน้ำพริกลงเรือเอย อูย...แค่ได้ยินชื่อก็น้ำลายหกแล้ว ∞
∞ ทั้งชาวทีเมคเองและคณะผู้มาเยือนจากกระทรวงวิทย์พร้อมด้วยสื่ออีกหลายสำนักต่างก็ "โซ้ย" กันอร่อย แต่แล้วเกือบทั้งหมดก็ต้องน้ำตาเล็ดเมื่อเมนูเด็ดกลับสำแดงฤทธิ์เสียนี่ เพราะ "หนูไซน์ฯ" ได้ยินเสียงกระซิบมาว่าชาวทีเมคท้องเสียกันเกือบยกศูนย์ ส่วนนักข่าวบางรายก็โดนเข้าให้เหมือนกัน เฮ้อ...โชคดีที่ไม่ถึงกับอาหารเป็นพิษ ไม่งั้นมีหวังถูกลำเลียงส่งโรงหมอกันระนาว ∞
∞ ระหว่าง "เวิร์คช็อป" หาทางรับมือวิกฤติโลกร้อนเมื่อสัปดาห์ก่อนที่ จ.กระบี่ ระหว่างศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์และฝึกอบรมการเปลี่ยนแปลงของโลกแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่นำโดย "ดร.อานนท์ สนิทวงศ์" และ WWF ประจำประเทศไทย และตัวแทนชาวชุมชนในกระบี่ "หนูไซน์ฯ" เห็นคุณลงคนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มชาวชุมชนชายฝั่งถึงกับอารมณ์ขึ้นเพราะอดรนทนไม่ได้ที่ภาครัฐไม่ยื่นมาเข้ามาช่วยเหลือและแก้ปัญหาอย่างจริงจังสักที ทั้งที่ชาวบ้านเดือดร้อนกับปัญหาสิ่งแวดล้อมมานานแล้ว จำนวนนักท่องเที่ยวก็หดหายลงทุกปี ∞
∞ ครั้นชาวบ้านจะแก้กันเองก็คงสำเร็จยาก เพราะยังขาดความรู้ความเข้าใจถึงปัญหาและผลกระทบจากภาวะโลกร้อนกันไม่ใช่น้อย แล้วไหนจะปัญหาปากท้องอีก...เอ้า! วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยื่นมือเข้าช่วยเหลือด่วนเลยเจ้าค่า ชาวบ้านเขาร้องขอมาอีกด้วยว่าอยากได้นโยบายชัดเจนและลงมือปฏิบัติจริงจัง ไม่ใช่รณรงค์สร้างกระแสฮือฮาแค่ชั่ววูบแล้วดับไป ประหนึ่งว่าดูโฆษณาเร้าใจได้แป๊ปเดียวก็ต้องกลับไปดูละครน้ำเน่ากันต่อแล้ว (คำพูดคมๆ นี้มีคุณลุงชาวสวนยางอีกคนหนึ่งว่าไว้เจ้าค่า) ∞
∞ ในที่สุด "ศูนย์สื่อสารวิทยาศาสตร์" แห่ง "ไซน์ปาร์ก" ก็มีผลงานสู่สาธารณชนอีกครั้ง หลังจากที่อุตส่าห์ลงข้อมูลพายุไซโคลนหลัง "นาร์กีส" ถล่มชาวหม่องไปร่วมอาทิตย์ (คงไม่มีปัญหาสำหรับนิตยสารรายเดือนแต่สำหรับหนังสือพิมพ์รายวันถือว่าช้ามากถึงมากที่สุดเจ้าค่า) โดยล่าสุดได้เชิญ "ดร.ปัทมา ศิริธัญญา" นักวิจัยหญิงจากล้านนามาขึ้นเวที "คุยกันฉันวิทย์" ว่าด้วยเรื่อง "ข้าวลูกผสม" ที่กำลังเป็นประเด็นหลังเจ้าสัวยักษ์ใหญ่แห่งอุตสาหกรรมเกษตรออกมาประกาศความพร้อมในการขายเมล็ดพันธุ์ก่อนใครหากรัฐ "ไฟเขียว" ∞
∞ งานเสวนานี้มีข้อมูลด้านบวกๆ (ยกกำลังสอง) ของข้าวลูกผสมออกมาเป็น "กระบุง" โดยเฉพาะในเรื่องผลผลิตข้าวที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ไร้วี่แววตัวแทนอีกด้านที่จะนำเสนอข้อเสียของข้าวชนิดนี้ ทั้งนี้ปัญหา "ข้าวแข็ง" กินไม่อร่อยหรือปลูกแล้วได้ผลผลิตไม่เยอะเหมือนที่อวดอ้างจริง ทำให้ภาพของ Science Media Center ที่ควรจะเป็นกลางและให้ข้อมูลทั้งด้านดีและด้านเสียของวิทยาศาสตร์ (เหมือนอย่างที่ชาติเจริญแล้วเขามีกัน) กลายเป็นแค่ศูนย์ "โปรโมต" โครงการของ สวทช.ไปเสียอย่างนั้น ∞
∞ อันที่จริงเราก็ทราบอยู่แล้วว่าผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่ดี แต่สงสัยเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากสำนักงานปลัดกระทรวงวิทย์จะเป็นห่วงมากไปหน่อย ขณะเยี่ยมชมโรงงานผลิตที่ชัยนาทเจ้าตัวเลยออกปากขอร้องสื่อมวลชนให้ช่วยกันลงข่าว "พลาสติกชีวภาพ" แบบเป็นระยะๆ ชนิดไม่ต้องรอใครตั้งโต๊ะแถลงข่าว โธ่ๆ พื้นที่สื่อก็มีอยู่แค่นี้แต่แวดวงวิทยาศาสตร์แยกย่อยออกไปได้ตั้ง 108 ∞
∞ จะให้เทพื้นที่เพื่อ "ไบโอพลาสติก" อย่างเดียวก็ดูจะลำเอียงมากไปหน่อย คนในแวดวงวิทยาศาสตร์แขนงอื่นๆ จะน้อยใจเอาได้ หรือถ้าทำอย่างที่ว่าจริงๆ ข่าววิทยาศาสตร์วันนี้ก็คงไม่ต่างจากเมื่อวาน มันก็จะสบายสำหรับบรรดากระจอกข่าวไปสักหน่อย "หนูไซน์ฯ" ไม่ปลื้มเจ้าค่ะ แต่ถ้าหากมี "ความเคลื่อนไหว" เกิดขึ้นแล้วล่ะก็บรรดาเหยี่ยวข่าวต้องรีบโฉบไปนำมาเสนออย่างแน่นอนจ้า ∞
∞ ช่วงนี้หากใครกำลังทดท้อในชีวิตอันทดคงต้องดู "มาริโอ คาเปกชี" นักพันธุศาสตร์ระดับรางวัลโนเบลแพทย์เป็นตัวอย่าง ด้วยชีวิตวัยเด็กแค่ไม่กี่ขวบแต่ต้องระเห็จเร่ร่อนอยู่ข้างถนนจนเป็นโรคขาดสารอาหารท่ามกลางสงครามโลกครั้งที่ 2 ขณะที่มารดาผู้พอจะเป็นที่พึ่งได้ก็ถูกทหารจับกุมเข้าคุกในฐานะนักโทษการเมือง ∞
∞ แต่เมื่อมีโอกาสก็ฟันฝ่าฝันร้ายในอดีตและตั้งต้นชีวิตจนกลายเป็นปรมาจารย์ระดับโลกอีกคน และล่าสุดเขาก็ได้พบน้องสาวร่วมมารดาที่เจ้าตัวเองก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีอันเป็นผลสืบเนื่องจากการได้รางวัลโนเบล (แม้จะอยู่ในวัยใกล้ฝั่งแล้วทั้งคู่ก็ตาม) แหม...ชีวิตดั่งนิยายจริงๆ ∞
∞ ต้อนรับเดือนแห่งดาวคนคู่หรือ "เจมินี" ดาวประจำราศี "เมถุน" ทาง "ท้องฟ้าจำลองเอกมัย" จึงเตรียมจัดงาน "มหกรรมคู่แฝด" ที่เตรียมระดมพลคู่แฝด 150 คู่ร่วมไขความลับฝาแฝดผ่านดาราศาสตร์ โหราศาสตร์และวิทยาศาสตร์ รวมถึงเจาะลึกการถ่ายทอดพันธุกรรมจากบรรพบุรุษ ใครสนใจก็ไปร่วมงานได้ในวันอาทิตย์ที่ 22 มิ.ย.นี้ และทางผู้จัดงานก็กระซิบว่าไม่จำกัดความอยากรู้สำหรับผู้ที่ไม่มีแฝดด้วย เอ้า...เตรียมแบกเป้ไปหาความรู้กันได้เลยจ้า ∞
∞ ฝากอีกข่าวประชาสัมพันธ์จาก "นาสดา" ว่าสวทช.กำลังเปิดหลักสูตร "อี-เลิร์นนิง" เรื่องความหลากหลายทางชีวภาพในไทย ค่าลงทะเบียน 1,400 บาทสำหรับหลักสูตรนี้และสมัครได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 20 มิ.ย. 51 และยังมีอีกหลักสูตรคือเรื่องการบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญาให้ทันโลกที่มุ่งสู่ระบบ "เศรษฐกิจฐานความรู้" ใครสนใจก็สมัครได้ตั้งแต่วันนี้จนสิ้นเดือน มิ.ย.51 หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0-2564-7000 ต่อ 1422-1427 หรือทางเว็บไซต์ www.learn.in.th ∞
∞ เม้าท์มาพอสมควรแล้ว ถึงเวลา "ไซน์กระซิบ" ขอลา จะไปด่อมๆ มองๆ แถวรัฐสภาเผื่อว่าจะได้เจอสิ่งมีชีวิตพันธุ์ใหม่ๆ กับเข้าบ้าง แต่ถ้าใครบังเอิญพบสิ่งมีชีวิตแปลกใหม่จะกระซิบบอกกันที่ scigossip@gmail.com ก็ไม่ว่ากันเจ้าค่า ∞