ศูนย์ข่าวขอนแก่น-เตือนสตินักลงทุนไทยอย่าชะล่าใจ เห็นโอกาสลงทุนในลาวเป็นของตาย แม้ภาพรวมมูลค่าลงทุนไต่ขึ้นอันดับ 1 แนะจับตาการรุกคืบของคู่แข่งใหญ่ จีน-เวียดนาม เร่งพัฒนาแนวคิดการค้าใหม่ให้ทันสถานการณ์พร้อมโละแนวคิดเห็นแก่ตัวตีหัวเข้าบ้านทิ้ง ชี้อีก 2 ปีเขื่อนน้ำเทินเสร็จลาวพลิกกลับได้ดุลการค้าไทย
นายวิบูลย์ คูสกุล เอกอัครราชทูตไทย ประจำนครเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว)กล่าวถึงบรรยากาศการลงทุนใน สปป.ลาว ว่า ในปัจจุบัน ประเทศไทยครองสัดส่วนการลงทุนสูงสุด โดยมีมูลค่าการลงทุนอยู่ที่ประมาณ 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่เมื่อปีที่แล้วไทยมีมูลค่าลงทุนในลาวเป็นรองประเทศจีน นักลงทุนไทยถือว่าได้เปรียบค่อนข้างมาก ไม่เพียงแต่เป็นประเทศเพื่อนบ้านกันเท่านั้น ภาษาวัฒนธรรมที่ใกล้เคียงกันยังช่วยให้การแสวงหาลู่ทางลงทุนได้ง่ายขึ้น
ในห้วง 1-2 ปีที่ผ่านมา บริษัทขนาดใหญ่จากไทยได้เข้าไปลงทุนโครงการด้านการเกษตรหลายโครงการ ทั้งบริษัทน้ำตาลมิตรลาว บริษัทในกลุ่มซี.พี. และอีกหลายเจ้าที่เข้าไปส่งเสริมให้ชาวลาวปลูกพืชเศรษฐกิจ เพื่อป้อนโรงงาน รัฐบาลลาวเองก็สนับสนุนโครงการลักษณะนี้เป็นพิเศษ เพราะเขามองว่าระยะยาวจะช่วยให้ภาคการเกษตรภายในประเทศได้รับการพัฒนา สามารถพึ่งตนเองได้
อย่างไรก็ตาม นายวิบูลย์ระบุว่าแม้ไทยจะถือความได้เปรียบอยู่มาก แต่ก็ไม่ควรชะล่าใจ เห็นการลงทุนหรือการทำการค้ากับสปป.ลาวเป็นของตาย เพราะขณะนี้การลงทุนในลาวได้รับความสนใจจากนักธุรกิจต่างประเทศจำนวนมาก โดยเฉพาะคู่แข่งที่น่าจับตามองเป็นพิเศษคือ จีน เวียดนาม แม้แต่เกาหลี ญี่ปุ่น อินเดียและมาเลเซีย ก็มองข้ามไม่ได้เช่นกัน
“พ่อค้านักธุรกิจไทยต้องทำการบ้านมากขึ้น ไม่ได้มีแต่คนไทยเท่านั้นที่สนใจลงทุนในลาว หลายชาติเขาก็ศึกษาหาทางเข้าไปลงทุนเช่นกัน ไม่อยากให้คนไทยเราลงทุนทำมาค้าขายกับลาวแบบชั่วครั้งชั่วคราว คอยจ้องแต่ตีหัวเข้าบ้าน แนวคิดแบบนี้ต้องหมดไป ไม่เป็นผลดีต่อไทยในระยะยาว”นายวิบูลย์กล่าว
ปัจจุบันทางการลาวได้เปิดรับโครงการลงทุนจากต่างชาติค่อนข้างมาก โดยเฉพาะโครงการลงทุนด้านการเกษตร พลังงาน ระบบสาธารณูปโภคไฟฟ้า ถนนก็เร่งให้มีการพัฒนา เพื่อให้เป้าหมายที่จะให้หลุดพ้นจากความยากจนให้ได้ในปี 2020 ซึ่งรูปแบบการพัฒนาสังคม-เศรษฐกิจของลาวเองได้ยึดเอาจีน-เวียดนามเป็นต้นแบบ
นายวิบูลย์ย้ำว่า ปัจจุบันไทยกับ สปป.ลาว มีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างดี ซึ่งความสัมพันธ์จะต้องกระชับให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น หากมองตัวเลขในแง่การค้าชายแดนปัจจุบัน ไทยถือว่าได้เปรียบดุลการค้าลาวที่สูงมาก สูงมากถึง 70 % นั่นเป็นเพราะว่าสินค้าอุปโภคบริโภคของไทยนำเข้าลาวแต่ละปีจำนวนมหาศาล แต่ในอีกราว 2 ปีข้างหน้าเมื่อไทยเริ่มซื้อกระแสไฟฟ้าจากเขื่อนน้ำเทินของลาว ฝ่ายลาวจะอยู่ในสถานะได้ดุลการค้าไทยทันที ตามแผนข้อตกลงการซื้อกระแสไฟฟ้าจากลาวนั้น เต็มที่ไทยต้องซื้อมากถึง 7,000 เมกะวัตต์
“นี่เป็นการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันระหว่างไทย-ลาว ไม่อยากให้มองว่าใครได้เปรียบเสียเปรียบดุลการค้า อยากให้มองว่าต่างฝ่ายต่างส่งเสริมซึ่งกันและกัน และก้าวไปข้างหน้าพร้อมๆกัน”นายวิบูลย์กล่าว
