xs
xsm
sm
md
lg

บลจ.ทิสโก้มองศก.เอเชียโตต่อเนื่องออกกองหุ้นยิลด์พุ่ง15%แล้วยุบทิ้ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ.ทิสโก้มองแนวโน้มตลาดทุนเอเชียบูม เตรียมส่งกองทุนเปิด "ทิสโก้ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ เจแปน ทริกเกอร์ 15%" ลงทุนในหุ้นทั่วเอเชียยกเว้นญี่ปุ่น เพิ่มทางเลือกนักลงทุน ระหว่างวันที่ 6-14 มีนาคมนี้ พร้อมชูนโยบายตีหัวเข้าบ้าน หากผลตอบแทนโต 15% สามารถเลิกกองทุนได้ทันที เผยอนาคตการเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้จะสูงถึง 7% โดยมีจีนและอินเดียที่เป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนของเศรษฐกิจโลกปีนี้


นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส รองกรรมการผู้จัดการ ธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะออกกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ(FIF) อีก 1 กองได้แก่ “กองทุนเปิด ทิสโก้ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ เจแปน ทริกเกอร์ 15%” ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาคำขออนุมัติจัดตั้งและจัดการกองทุนรวม จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยมีกำหนดเสนอขายครั้งเดียวประมาณวันที่ 6 -14 มีนาคม 2551 นี้

สำหรับกองทุนเปิด ทิสโก้ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ เจแปน ทริกเกอร์ 15% จะมีอายุประมาณ 1 ปี และมูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท โดยกองทุนนี้จะเลิกดำเนินการและคืนเงินให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนเมื่อสามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 15% ภายในระยะเวลา 1 ปี หรือกองทุนสามารถเลิกกองทุนได้ทันทีไม่ต้องรอครบ 1 ปี หากหน่วยลงทุนมีมูลค่าเพิ่มขึ้นตั้งแต่ร้อยละ 15 ของมูลค่าที่ตราไว้ต่อหน่วย (10.00 บาท) เป็นเวลา 3 วันทำการติดต่อกัน

โดยกองทุนนี้จะมีนโยบายการลงทุนผ่านกองทุนรวมต่างประเทศได้แก่กองทุน Lyxor ETF MSCI AC Asia-Pacific Ex Japan ในสัดส่วนการลงทุนไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ โดยกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟ (Exchange Traded Fund) ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง และมีนโยบายการลงทุนในหุ้นของกลุ่มประเทศในเอเชียแปซิฟิกยกเว้นประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี MSCI AC Asia-Pacific Ex Japan

นายธีรนาถ กล่าวอีกว่า ในช่วงที่ผ่านมาเชื่อว่าผู้ลงทุนส่วนมากทราบถึงผลกระทบของตลาดทุนในเอเชียแปซิฟิกเป็นอย่างดีว่า ได้รับผลกระทบที่ทำให้เกิดความผันผวนในระยะสั้นๆ เท่านั้น แต่ในระยะปานกลางตลาดทุนในเอเชียแปซิฟิกน่าจะยังคงแข็งแกร่งอยู่ และมีแนวโน้มการฟื้นตัวที่ดีขึ้นเป็นอย่างมาก เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศในกลุ่มนี้ยังมีการขยายตัวในระดับที่สูง โดย IMF ยังคงเชื่อมั่นว่าจีนและอินเดียจะเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกในปี 2551 และคาดการณ์ว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาคนี้จะเติบโตมากกว่า 7% ในขณะที่อเมริกาและยุโรปเติบโตเพียง 2% และ 2.6%

อย่างไรก็ตาม จากบทเรียนในปีที่ผ่านมา พบว่าความผันผวนของตลาดทำให้เมื่อราคาหุ้นขึ้นแล้วผู้ลงทุนไม่ได้ขาย จะทำให้เสียโอกาสในการทำกำไรไป ดังนั้นจึงเชื่อว่ากองทุนนี้จะช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้ กล่าวคือ หากราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นมาในระดับที่น่าพอใจก็ควรขายเพื่อทำกำไรไปเลย ทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุนและนำกำไรมาเก็บไว้ก่อน

"มุมมองของเรา การที่ดัชนี MSCI AC Asia-Pacific Ex Japan จะปรับตัวขึ้นร้อยละ15 ใน 1 ปีนั้น มีความเป็นไปได้ที่สูง เพราะในปีที่ผ่านมาดัชนีมีการแกว่งตัวถึงร้อยละ 37 ดังนั้น สำหรับผู้ลงทุนที่มุ่งโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดี และสามารถมองข้ามความผันผวนในระยะสั้นๆ อันเนื่องมาจากสภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกา การหันมาลงทุนในตลาดทุนเอเชียแปซิฟิกจึงน่าจะเป็นคำตอบที่ดี” นายธีรนาถกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น