xs
xsm
sm
md
lg

ผิวใสด้วย “โปรตีนซิริซิน” ของดีจากเส้นไหมนวัตกรรมใหม่ของคนไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ไอแท็ป-โครงการไอแท็ปจับมือเครือข่าย มทส.หนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยเพิ่มค่างานวิจัย “โปรตีนซิริซินจากเส้นไหม” สู่ตลาดเครื่องสำอางเกรดเอ พร้อมจับมือศูนย์วิจัยเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ ม.นเรศวร พัฒนาสูตรการผลิตเครื่องสำอาง “ซิลเก้ เอวา” ที่มีส่วนผสมจากโปรตีนซิริซินจากรังไหม มีคุณสมบัติในการบำรุงผิวพรรณและลดรอยหมองคล้ำได้ไม่แพ้เครื่องสำอางนำเข้า

ดร.มาโนชญ์ สุธีรวัฒนานนท์ อาจารย์ประจำภาควิชาเทคโนโลยีอาหาร สำนักวิชาเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) เจ้าของงานวิจัย “โปรตีนซิริซินจากเส้นไหม” กล่าวว่า ปัจจุบันเครื่องสำอางที่ผลิตและวางจำหน่ายอยู่ในตลาด ส่วนมากมีส่วนผสมที่มีสารออกฤทธิ์จากสารเคมีหรือสารสังเคราะห์ซึ่งบางชนิดอาจส่งผลข้างเคียงต่อผู้ใช้ได้ แต่ยังมีเครื่องสำอางทางเลือกสำหรับผู้ปรารถนาผิวเนียนใสหรือช่วยลดรอยหมองคล้ำโดยไม่ต้องเสี่ยงกับสารเคมี เพราะผลิตจากธรรมชาติและเป็นวัตถุดิบที่มีอยู่ในท้องถิ่นนำมาเพิ่มมูลค่า ไม่ต้องนำเข้าวัตถุดิบราคาแพงจากต่างประเทศเพื่อให้คนไทยได้เข้าถึงเครื่องสำอางที่คุณภาพ เป็นผลิตภัณฑ์สกัดจากโปรตีนธรรมชาติที่ได้จากรังไหม ซึ่งเป็นนวัตกรรมสำหรับคนไทย

สำหรับ "ซิริซิน" เป็นโปรตีนธรรมชาติที่ได้จากเส้นไหมหรือรังไหมที่ช่วยป้องกันผิวแห้ง ลดการเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์บางชนิดและเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ อีกทั้งยังมีกรดอะมิโน 16-18 ชนิดซึ่งละลายน้ำได้ดี และมีคุณสมบัติพิเศษสามารถกักเก็บน้ำได้ดีจึงถูกนำมาใช้ประโยชน์ในหลายด้าน โดยเฉพาะนิยมนำมาใช้เป็นสารเพิ่มความชุ่มชื้นในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง สิ่งทอ และทางการแพทย์

“โปรตีนซิริซินจะพบได้เฉพาะในเส้นไหมเท่านั้น ทำหน้าที่ปกป้องเส้นไหม ปัจจุบันมีอยู่ 2 ประเภท คือซิริซินจากเส้นไหมสีทองกับเส้นไหมสีขาว และจากการวิจัยยังพบว่าเส้นไหมสีทองมีปริมาณโปรตีนซิริซินมากกว่าเส้นไหมสีขาว และมีคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์มหาศาลโดยเฉพาะกับทางการแพทย์ แต่ในส่วนเครื่องสำอางนั้นจะใช้เส้นไหมสีขาว เพราะมีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวและช่วยลดรอยหมองคล้ำได้ เพราะซิริซินจะไปทำหน้าที่ระงับการรวมเม็ดสีของเอนไซม์ไทโรซิเนสซึ่งจะช่วยให้ผิวหน้าสว่างเปล่งปลั่งดูผ่องใสขึ้นเองตามธรรมชาติ เปรียบเสมือนการปกป้องเส้นไหมไม่ให้ถูกทำลายก่อน นอกจากนี้ยังสามารถใช้ทำวัสดุทางการแพทย์เพราะมีความเหมาะสมกับร่างกาย” นักวิจัยกล่าว

ดร.มาโนชญ์ กล่าวอีกว่า ในต่างประเทศก็มีวิธีสกัดซิริซินจากเส้นไหมเช่นกันแต่เป็นวิธีสกัดคนละแบบ โดยวิธีการสกัดของไทยเป็นวิธีที่ง่ายและปลอดภัยที่สุด ไม่มีสารตกค้าง และนำมาใช้ประโยชน์ได้สูงสุด คือได้โปรตีนซิริซินที่ยังสามารถทำปฏิกิริยาได้อย่างที่ต้องการ หรือมีคุณสมบัติทางกายภาพตามที่ต้องการ แต่การนำซิริซินไปใช้กับผลิตภัณฑ์อะไรนั้นต้องดูถึงความเหมาะสม เนื่องจากโปรตีนซิริซินที่ได้จากเส้นไหมจะมีคุณสมบัติทางกายภาพที่แตกต่างกัน มีขั้นตอนการแปรรูปต่างกัน รวมถึงปริมาณในการใช้ที่ต้องเหมาะสมกับแต่ละผลิตภัณฑ์

งานวิจัยชิ้นนี้ ดร.มาโนชญ์ ได้จดสิทธิบัตรการผลิตโปรตีนซิริซินให้กับมหาวิทยาลัยต้นสังกัดหลังจากใช้เวลาวิจัยนานกว่า 3 ปี ต่อมาศูนย์วิจัยเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ มหาวิทยาลัยนเรศวรได้ขอนำตัวอย่างไปเป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอางชนิดแป้งเนื้อแข็ง (Compact Powder) และพบว่า “โปรตีนซิริซิน บี” มีคุณสมบัติช่วยลดริ้วรอยได้ตามที่ต้องการ โดยได้มีการศึกษาทดลองจากคลินิกเป็นรายแรกของไทย โดยใช้อาสาสมัคร 40-50 คนภายใต้การควบคุมของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและสามารถแสดงผลการทดลองที่ออกมาได้อย่างชัดเจน

นายจตุพร ทิวเสถียร กรรมการผู้จัดการบริษัท เดอะซิริซินแอนด์ไฟโบรอิน จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของโปรตีนซิริซินภายใต้แบรนด์ “ซิลเก้ เอวา” (Silke Ava) ซึ่งได้รับสิทธิในการผลิตโปรตีนซิริซินของ มทส. กล่าวว่า บริษัทได้ก่อตั้งเมื่อปี 2548 มีความสนใจนำโปรตีนซิริซินมาเพิ่มคุณค่าและมูลค่าจากเดิมที่เป็นของเหลือใช้จากโรงงานผลิตผ้าไหมใน อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา
 
ในปี 2550 ที่ผ่านมา บริษัทได้เข้ารับการสนับสนุนจากโครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย (iTAP: ไอแท็ป) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เครือข่าย มทส. โดยได้ร่วมกับดร.มาโนชญ์ ศึกษาและวิจัยเปรียบเทียบการทำสารสกัดโปรตีนเข้มข้นจากเส้นไหมหรือรังไหมด้วยวิธียูเอฟ (UF) และฟอลลิง-ฟิล์ม อีวาโพเรเตอร์ (Falling-film evaporator) ซึ่งเป็นการต่อยอดและพัฒนาวิธีการสกัดโปรตีนซิริซินขึ้นเป็นของตัวเอง และยังได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยนเรศวรในการพัฒนาสูตรการผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางชนิดแป้งเนื้อแข็ง ที่มีส่วนผสมของโปรตีนซิริซินจากเส้นไหมที่มีคุณสมบัติช่วยลดริ้วรอยและลดรอยหมองคล้ำได้ไม่แพ้เครื่องสำอางราคาแพงจากต่างประเทศ

นายจตุพร กล่าวอีกว่า โครงการนี้จึงเป็นการนำของเหลือใช้ที่เกิดจาการผลิตผ้าไหมโดยสกัดโปรตีนซิริซินออกจากเส้นไหมนำมาพัฒนาเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ซึ่งทางผู้เชี่ยวชาญได้ใช้กระบวนการแยกซิริซินซึ่งถือเป็นโปรตีนที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาในน้ำและเกิดกลิ่นเหม็น เมื่อดึงซิริซินออกจากน้ำเสียทิ้งลงแหล่งน้ำสาธารณะก็จะไม่ส่งกลิ่นเหม็นไปกระทบต่อชุมชน เป็นการช่วยบำบัดน้ำเสีย ขจัดปัญหากลิ่นเหม็นได้โดยปริยาย และยังสามารถดึงโปรตีนซิริซินมาเพิ่มคุณค่าได้อีกด้วย

“จากการทดสอบเปรียบเทียบระหว่างผลิตภัณฑ์นำเข้าที่มีส่วนผสมของโปรตีนซิริซินกับผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัท พบว่าผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีส่วนผสมของโปรตีนซิริซินมากกว่า 4-5 เท่า ขณะที่ผลิตภัณฑ์นำเข้ามาซิริซินไม่เกิน 1% อีกทั้งราคายังถูกกว่าการนำเข้าจากญี่ปุ่นถึง 6 เท่า ทำให้กล้ายืนยันได้ว่าผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีโปรตีนซิริซินผสมอยู่จริง มีคุณภาพมากกว่าแต่มีราคาถูกกว่า เนื่องจากเป็นของที่มีอยู่แล้วในท้องถิ่น ที่สำคัญเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดลองและรับรองจากศูนย์วิจัยเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ มหาวิทยาลัยนเรศวรและคลินิกถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัย ขณะนี้มีวางจำหน่ายแล้วในประเทศ โดยเพิ่งเปิดการขายอย่างเป็นทางการเมื่อต้นปี 51 ที่ผ่านมา” นายจตุพรกล่าว

ขณะเดียวกัน ทางบริษัทยังได้ขยายการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของโปรตีนซิริซินไปยังชุดเครื่องสำอางอื่นๆ ด้วยเพื่อเพิ่มช่องทางให้กับผู้ใช้ อาทิ ไนท์ครีม อายเซรัม บอดี้โลชัน และแป้งเนื้อแข็ง และคาดว่าจะทยอยออกผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสกินแคร์ทั้งหมดภายในปีหน้า ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการต่อยอดและพร้อมขยายไปสู่ผลิตภัณฑ์แฮร์แคร์ในอีก 2 ปีโดยเน้นลูกค้ารับพรีเมียมขึ้นไป โดยตั้งเป้ายอดขายปี 2551 ไว้ที่ 5-6 ล้านบาท ผู้สนใจติดต่อได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 081-877-3580

ส่วนผู้ประกอบการในส่วนกลางที่สนใจขอรับการสนับสนุนจากโครงการไอแท็ปติดต่อได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 0-2564-7000 ส่วนผู้ประกอบต่างจังหวัดในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างติดต่อที่เครือข่าย มทส. โทรศัพท์ 044-224-814 หรือ 044-224-818 และ 044-244-844


กำลังโหลดความคิดเห็น