"วุฒิพงศ์" ยังไม่หยุดขายฝันยูคา ล่าสุดฟุ้งกลางที่ประชุม สปศอ. ระบุไทยได้เปรียบเพราะอยู่เขตศูนย์สูตร ปลูกยูคาลิปตัสโตเร็วกว่าต่างประเทศ 15 เท่า เตรียมตั้งงบซื้อเครื่องกลั่นน้ำมันจากไม้ เครื่องทำเนื้อไม้อ่อนให้แก่ รองรับไทยปลูกไม้โตเร็ว เผยอนาคตใครมีไม้เยอะเป็นต่อ พ้อคนไทยบุญน้อย อยู่ในเขตดินดีแต่ไม่มีปัญญาปลูกป่าโตเร็ว
นายวุฒิพงศ์ ฉายแสง รมว.กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) ได้รับเกียรติให้บรรยายพิเศษในหัวข้อเรื่อง "ทิศทางไม้เศรษฐกิจของไทยในทศวรรษนี้" ระหว่างการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2550 ของสมาคมไทยพัฒนาการปลูกป่าเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไม้ (สปศอ.) ณ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อวันที่ 24 เม.ย.51 ที่ผ่านมา
รมว.วิทยาศาสตร์เผยในที่ประชุมว่า ป่าไม้สำคัญกับการพัฒนาภาคเกษตรกรรมของประเทศ เพราะเป็นสิ่งที่จะช่วยกำหนดฝนฟ้าให้ตกต้องตามฤดูกาล ทว่าป่าไม้ในปัจจุบันนั้นลดน้อยลงมากจนเป็นเหตุให้สภาพดินฟ้าอากาศไม่เอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูก พร้อมทั้งแนะว่าควรเพิ่มพื้นที่ป่าโดยการปลูกป่าเศรษฐกิจล้อมรอบป่าอนุรักษ์ ซึ่งป่าจะช่วยดึงดูดให้ฝนตกตามหลักวิทยาศาสตร์ อีกทั้งยังให้มูลค่าทางเศรษฐกิจอีกนับพันล้าน
"เมื่อไม่นานมานี้ที่ญี่ปุ่นและเยอรมนีได้พัฒนาเทคโนโลยีและเครื่องจักรสำหรับกลั่นน้ำมันดิบจากไม้ได้แล้ว น้ำมันที่ได้ก็มีคุณภาพดีและใช้ได้จริง ส่วนน้ำมันจากฟอสซิลต่อไปเขาก็จะเลิกใช้กันแล้ว และหันมาใช้น้ำมันจากไม้แทน เพราะฉะนั้นประเทศไหนที่มีไบโอแมส (biomass) มาก ก็จะได้เปรียบ ก็จะกลายเป็นผู้ชนะไป ดังนั้นเราจึงต้องนำเรื่องไบโอแมสมาคุยกันว่าจะทำอย่างไรได้บ้าง" นายวุฒิพงศ์ กล่าว
นายวุฒิพงศ์ เผยอีกว่า ทางนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีก็สนับสนุนให้ซื้อเครื่องกลั่นน้ำมันจากไม้ของญี่ปุ่น ส่วนรองนายกฯ สหัส บัณฑิตกุล ก็เห็นด้วยเรื่องปลูกป่าเศรษฐกิจเพื่อผลิตไบโอแมสหรือชีวมวล ซึ่งตนก็กำลังวางแผนตั้งคณะทำงานในเรื่องดังกล่าวด้วย โดยมี ดร.นิคม แหลมสัก เป็นที่ปรึกษา
"ประเทศไทยอยู่ในเขตศูนย์สูตร ซึ่งปลูกต้นไม้ก็โตเร็วกว่าที่อื่นๆ อย่างปลูกยูคาบนคันนานี่ต้นหนึ่งโตเร็วได้ 50 กิโลกรัม ภายในปีเดียว เป็นเรื่องใหญ่มาก แสดงว่าเรามีศักยภาพเหนือกว่าเขา ขณะที่ในยุโรปกว่าจะได้ต้นละ 50 กิโลกรัม ต้องปลูกตั้ง 15 ปี แต่ของเราปีเดียวก็ได้แล้ว เหนือกว่าเขาตั้ง 15 เท่า" นายวุฒิพงศ์ กล่าว
นอกจากนี้เขายังเสริมว่า ไม้โตเร็วมักมีน้ำตาลสูง ทำให้ถูกมอดและแมลงทำลายได้ง่าย จึงเตรียมตั้งงบประมาณในปี 2552 สำหรับจัดซื้อเครื่องจักรจากประเทศในกลุ่มแสกนดิเนเวียร์ที่สามารถเปลี่ยนคุณสมบัติของเนื้อไม้ให้ทนต่อแมลงได้ และเปลี่ยนจากไม้อ่อนให้เป็นไม้แก่ได้ เพื่อที่จะย่นระยะเวลาปลูกและนำไม้มาใช้ประโยชน์ได้เร็วขึ้น
รมว.วิทย์ บอกอีกว่า ประเทศไทยต้องการทรัพยากรป่าไม้กลับคืนมา แต่จะทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด และผลประโยชน์ไม่ตกแก่คนกลุ่มเดียว ซึ่งทำได้โดยเปลี่ยนแนวคิดของคนในสังคมให้คิดเป็นวิทยาศาสตร์ ตลอดจนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปลูกป่าเศรษฐกิจล้อมรอบป่าอนุรักษ์ เพราะหลายคนมองข้ามการปลูกป่า เอกชนรายใหญ่ก็ไม่กล้าลงทุน อีกทั้งพื้นฐานคนไทยยังคิดเป็นวิทยาศาสตร์น้อยมาก
"ประเทศไทยมีศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ซึ่งสอนให้คิดอย่างมีเหตุมีผล แต่คนไทยกลับมีบุญน้อย เพราะได้เกิดมาในพื้นที่อุดมสมบูรณ์ ปลูกป่าไม้ได้โตเร็ว แต่กลับไม่มีปัญญาปลูก พร้อมวอนให้คนไทยหันมาทำบุญร่วมกันด้วยการปลูกป่า และมีเมตตาจิตต่อกันด้วยการไม่คิดที่จะเอาผลประโยชน์แต่เพียงฝ่ายเดียว" นายวุฒิพงศ์กล่าวตอนท้าย.