“สมัคร” เล็งส่งเสริมปลูก “ป่ายูคาฯ” เตรียมนำหารือ ครม.วันนี้ ด้าน “วุฒิพงษ์” อ้างเหตุหนุนปลูกยูคาฯ เพราะกำลังทำวิจัยเพื่อผลิตน้ำมันดีเซล ก่อนโวไอเดียผลักดันเกษตรกรปลูกตามคันนา ช่วยเพิ่มผลผลิตข้าว-รายได้งอกถึง 4 เท่า
วานนี้ (19 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างประชุมรัฐสภา เพื่ออภิปรายนโยบายรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้ออกจากห้องประชุม เพื่อพบกับ นายพิรัตน์ นครินทร์ นายกสมาคมรณรงค์ปลูกป่าภาคเอกชนแห่งประเทศไทย โดย นายพิรัตน์ ได้เสนอให้รัฐบาลส่งเสริมการปลูกต้นยูคาลิปตัส ตามที่ นายวุฒิพงษ์ ฉายแสง รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคยเสนอ
นายสมัคร กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า นายพิรัตน์ มาพบเพื่อขอให้ส่งเสริมปลูกยูคาลิปตัส ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีปัญหา โดยในวันที่ 20 ก.พ.นี้ หลังการประชุม ครม.จะมีสารคดียูคาลิปตัสมาเล่าให้ฟัง
ด้าน นายพิรัตน์ กล่าวว่า ตนได้มาเสนอแนวคิดปลูกยูคาลิปตัสให้นายสมัคร รับทราบ เพราะเคยทดลองปลูกมาแล้ว และได้ผลดี ซึ่งไม่มีผลเสียตามที่มีข่าวเสนอเลย ประกอบกับยูคาลิปตัสจะสร้างรายได้ให้ประเทศด้วยซ้ำ จึงขอให้รอดูเดือน เม.ย.นี้ น่าจะมีข่าวดี
ขณะที่ นายวุฒิพงศ์ กล่าวถึงนโยบายด้านพลังงานของกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ว่า ตนจะพัฒนาวิจัยเกี่ยวกับการนำไม้ยูคาลิปตัส โดยจะนำมาเผาไหม้เป็นเชื้อเพลิงผ่านความร้อนสูงให้ได้น้ำมันดีเซล ถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะขณะนี้ประเทศไทยกำลังประสบปัญหาราคาน้ำมันแพง ซึ่งไทยสามารถปลูกยูคาลิปตัสได้ในต้นทุนต่ำ เพราะปลูกเพียง 1 ปี ก็สามารถเก็บเกี่ยวได้
“ขณะนี้น้ำมันราคาแพง ถ้าปลูกยูคาแล้วขายเป็นพลังงานได้ ก็จะเกิดรายได้มากกว่าการปลูกข้าว เช่น ปลูกในคันนา จะได้ไม้ยูคาฯ 15 ตันต่อไร่ แถมยังได้ข้าวด้วย และยังทำให้ผลผลิตข้าวเพิ่มสูงขึ้น เพราะไม่เกิดปัญหาศัตรูพืช และยังช่วยป้องกันลมแรง ทำให้ชาวนามีรายได้เพิ่มขึ้นมา 4 เท่า นี่คือ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เฉพาะทุ่งกุลาร้องไห้ปลูกอยู่ 60 กว่าล้านไร่ ให้กำลังการผลิตข้าว 400 กิโลกรัมต่อไร่ จากเดิม 115 กิโลกรัมต่อไร่” รมว.เกษตรฯ กล่าว