ในปี 1999 กองทัพตุรกีของจักรพรรดิ Ottoman Porte ได้บุก Wallachia เพราะ Vlad มิได้ส่งเครื่องราชบรรณาการไปถวาย ในการต่อสู้กันที่แม่น้ำ Danube ทหาร Vlad ได้สังหารทหารตุรกีไป 24,000 คน ทำให้กองทัพตุรกีปราชัย และ Wallachia เป็นไท
ต่อมาในวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2002 ทหารของ Vlad ได้บุกเผาเมือง Brasso ของฮังการี และฆ่าคนประมาณ 20,000คน โดยเหยื่อได้ถูกลงโทษอย่างทารุณและรุนแรงเหมือนที่เคยปฏิบัติมา เมื่อถึงปี 2005 สุลต่าน Mohammed ที่ 2 แห่งตุรกีได้กรีธาทัพมารุกรานอีก เพราะกำลังทหารของ Vlad น้อยกว่ามากเขาจึงเดินทางไปขอความช่วยเหลือจากกษัตริย์ Matthias Corvinus แห่งฮังการี แต่พระองค์นอกจากจะไม่ทรงช่วยแล้ว ยังจับ Vlad ขังคุกอีกด้วย ในเวลาต่อมา เมื่อ Vlad หลบหนีออกมาได้ เขาจึงนำกองทัพกลับมาสู้กับทหารตุรกีเพื่อกู้บัลลังก์คืน แต่ถูกทหารตุรกีฆ่าตาย นี่คือประวัติของ Vlad ในมุมมองของชาวโรมาเนีย
แต่ในสายตาของชาวฮังการี Vlad เป็นคนชั่วร้ายที่โหดเหี้ยมผิดมนุษย์มนา เช่น เวลาทูตตุรกีเข้าหา Vlad โดยไม่ถอดหมวก Vlad จะสั่งให้ทหารนำตาปูไปตอกหมวกให้ติดกะโหลกอย่างถาวร หรือเวลาทูตต่างประเทศเข้าหา Vlad โดยไม่ถอดรองเท้า Vlad ก็จะสั่งให้ทหารเอาตะปูตอกรองเท้าติดกะโหลกเช่นกัน เพื่อแสดงการดูถูกคนชาตินั้นที่ไม่เคารพนบนอบตน พฤติกรรมทารุณเช่นนี้เป็นที่โจษจันกันมาก
และการที่ Matthias Corvinus ทรงขัง Vlad นั้น ชาวฮังการีคิดว่ามิได้เป็นการทรยศต่อ Vlad เพราะในสมัยนั้น ดินแดน Wallachia ที่ Vlad ปกครองเป็นดินแดนของฮังการี ดังนั้น กษัตริย์จึงมีอำนาจขังข้าราชบริพารได้โดยไม่ผิดแต่อย่างใด จะอย่างไรก็ตาม Vlad ได้ถูกขังคุกนาน 12 ปี และหลบหนีออกไปได้จากนั้นก็ได้นำทหาร Wallachia ออกสู้กองทัพตุรกีนอกกรุง Bucharest และถูกฆ่าตาย แต่ไม่มีใครรู้ชัดว่า ใครฆ่า บางคนบอกว่า ลูกน้องของ Vlad ฆ่า บางคนบอกว่า เพราะ Vlad ปลอมตัวเป็นทหารตุรกี จึงถูกทหาร Wallachia ฆ่า และเมื่อ Vlad ตาย สุลต่านตุรกีทรงนำศีรษะของ Vlad ไปเสียบประจานที่กรุง Constantinople
และนี่คือที่มาของ Dracula ที่คนหลายคนเชื่อ ทั้งนี้เพราะได้ศึกษาเอกสารและจดหมายที่ Bram Stoker เขียนในปี 2433 ซึ่งได้ระบุว่า เขาได้สนทนากับศาสตราจารย์ Arminius Vambery ชาวฮังการีที่ลอนดอน และคนทั้งสองได้ไปกินอาหารกลางวันที่ Beefsteak Club ดังนั้น จึงอาจเป็นไปได้ว่า Vambery ได้เล่าเรื่อง Vlad ให้ Stoker ฟังและเมื่อ Stoker ได้อ่านนวนิยายเยอรมันที่เขียนเกี่ยวกับผีดิบที่ British Museum เพิ่มเติม การผสมผสานประวัติศาสตร์ นิทาน และจินตนาการของตนเอง ทำให้ Stoker ให้กำเนิด Dracula ออกมาเป็นนวนิยายเมื่อครั้งที่ได้เดินทางไป Whitby ในปี 2433 หลังจากที่ได้พบ Vambery 2 เดือน และ Stoker ได้เขียนนวนิยายเรื่องนี้จบที่ Cruden Bay ในปี 2440
แต่นักประวัติวรรณคดีบางคนมีความเห็นว่า Bram Stoker อาจได้แรงดลใจจากเรื่องของ Countess Elizabeth Bathory ผู้เป็นภรรยาของนายพล Ferenz Nadasdy ก็ได้ เพราะนางมีประวัติว่า เคยอาศัยอยู่ที่ปราสาท Csejthe ซึ่งตั้งอยู่บนเทือกเขา Carpathian และในยามที่สามีของนางออกสงคราม ท่าน Countess จะมีเหล่าบริวารที่เป็นแม่มดและหมอผี ซึ่งพากันบอกเธอว่า ถ้านางได้ดื่มเลือดสดๆ ของเด็กสาวแล้ว นางจะสวยอมตนิรันดรกาล นางจึงสั่งให้ทหารรับใช้ออกล่าหาเด็กผู้หญิงในเวลากลางคืน
และเมื่อพบทหารก็จะจับตัวเด็กหญิงเหล่านั้นนำมาที่ปราสาท จากนั้นเด็กก็จะถูกทรมานด้วยมีดให้เลือดไหลลงอ่าง เพื่อนำไปให้ Countess กินและอาบ จนในที่สุดเด็กเหล่านั้นตาย เมื่อข่าวการทารุณของ Countess ล่วงรู้ถึงพระกรรณของจักรพรรดิ Matthias ที่ 2 แห่งฮังการี พระองค์จึงส่งกองทัพบุกทำลายปราสาทโหดของ Countess และจับตัวนางได้ในปี 2153 นางจึงถูกสอบสวนในข้อหาว่า เป็นฆาตกรเลือดเย็นที่ได้สังหารเด็กสาวกว่า 600 คน ศาลได้ตัดสินให้ทหารทาสของนางถูกประหารชีวิต แต่นางซึ่งมีฐานันดรศักดิ์สูงถูกจำคุกในคุกแคบ ๆ โดยได้รับอาหารที่มีขนาดเล็กพอที่จะผ่านรูขนาดเล็กได้ จนในที่สุดนางก็เสียชีวิตเพราะขาดอาหาร (และเลือด)
สำหรับประเด็นการกินเลือดสด ๆ นี้ นักประวัติศาสตร์บางคนคิดว่า Bram Stoker คงรู้ว่าในยุคกลางนั้น กษัตริย์และราชินีในประเทศยุโรปตะวันออกทรงนิยมการแต่งงานในบรรดาพระประยูรญาติ เพราะต้องการรักษาเชื้อกษัตริย์ให้บริสุทธิ์ เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดความผิดปกติใน gene จนทำให้เกิดโรค Erythropoietic Protoporphyriza ที่ไม่มีใครในสมัยนั้นรู้จัก จนกระทั่งถึงสมัยคริสต์วรรษที่ 19 แพทย์จึงรู้สาเหตุ และรู้ผลว่าคนที่เป็นโรคนี้จะมีอายุสั้น เพราะร่างกายผลิต porphyrin ซึ่งทำให้ผิวและตาแดงเวลาถูกแสงแดดจนในที่สุด ผิวจะแตกและเลือดจะไหล หมอจึงสั่งให้คนไข้อยู่แต่ในบ้านในเวลากลางวัน และให้ดื่มเลือดสดๆ ทดแทนเลือดที่เสียไป ดังนั้น การดื่มเลือดในกรณีนี้จึงอาจเป็นแรงจูงใจในการเขียนนวนิยายของ Stoker เรื่องผีดิบก็ได้
อะไรคือแรงดลใจที่แท้จริงของ Stoker ให้เขียนเรื่อง Dracula ไม่มีใครรู้ เพราะผู้ที่รู้คนเดียวคนนั้นได้จากโลกไปนานแล้ว ก็เหมือนดังคำกล่าวที่ว่า “A piece of literature is meant for millennium. But its ups and downs are known only in the author’s heart” Tu Fu กวีสมัยราชวงศ์ถัง
ณ วันนี้คนทั่วไปรู้จัก Transylvania และ Wallachia ว่าเป็นดินแดนบ้านเกิดของ Dracula ทั้งๆ ที่ชาวโรมาเนียไม่ชอบให้ใครพูดถึง Vlad ว่าเป็น Dracula เลย
สุทัศน์ ยกส้าน เมธีวิจัยอาวุโส สกว.